หลังจากที่ลงทะเบียนไปแล้ว ทางทีมงานก็โทรมายืนยันว่าได้รับเลือก ให้เข้ามารับรถได้ ซึ่งผมก็ขอเลือกเป็นวันเสาร์ตอนบ่ายเพื่อที่จะได้มีเวลาขับได้นานหน่อย นี่คือบู๊ธที่มารับรถครับ
ตอนมาถึงมีรถจอดตัวอย่างจอดรออยู่ แต่คันที่จะได้เอาไปขับเล่นนั้นทางทีมงานกำลังเอาไปเติมน้ำมันให้ ผมเลยมีเวลาเดินดูคันที่จอดโชว์ซะหน่อย
จังหวะแรกที่เห็นระยะกระชั้นชิดต้องบอกว่าด้านหน้ามันดูทะมัดทะแมง ชวนให้คิดถึงหนังเรื่อง Transformers มาก ผมชอบที่มันดูแข็งแรงแต่ในขณะเดียวกันก็ดูหรู ไม่เหมือนรถรุ่นตลาดทั่วไป สีดำช่วยให้มันดูเท่ห์ แต่พอเปิดดูแคตาลอคที่ทีมงานแจก ถึงได้เห็นว่ามีสีอื่นอีก โดยส่วนตัวผมชอบสีออกโทนฟ้าอ่อนด้วย ไม่เลวทีเดียว
พอมาดูด้านหลัง ไฟท้ายใหญ่มาก อันนี้ผมเฉยๆ ผมว่าขึ้นอยู่กับความชอบครับ บางคนอาจจะชอบไฟแนวนี้แต่ผมเฉยๆ ไม่ได้ชอบมากแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ มันก็เข้ากับทรงของรถดีครับ
พอเปิดดูในตัวรถ โอ้ว มันดูสปอร์ตใช้ได้เลย
พอลองนั่งแล้วรู้สึกได้ว่าอาการอยากขับบนถนนจริงเพิ่มขึ้นเท่าตัว การออกแบบภายในกำลังพอดีๆ กับขนาดตัวผมซึ่งถือว่าค่อนข้างจะตัวโตพอสมควร
และแล้วคันที่ผมจะได้ขับเล่นก็มาถึงพอดี...
เริ่มจากการสตาร์ทรถเลย ตัวรถมาพร้อมกับระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใครสะดวกจะเอากุญแจเสียบเพื่อสตาร์ทเครื่องก็ได้ หรือเพียงกดปุ่มสตาร์ทก็สะดวกดีเหมือนกัน ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบการกดปุ่มมากกว่า มันดูไฮเทคดี ฮ่าๆ
หน้าจอสำหรับควบคุมเพลง วิทยุก็ขนาดใหญ่เห็นชัดเจน แต่ผมติดนิดหน่อยกับสีเขียวๆ มันดูคลาสสิคนะครับ แต่ผมเฉยๆ กับการออกแบบหน้าตาการแสดงผล มันเรียบไปหน่อย
ด้านข้างขวาคนขับมีปุ่มควบคุมไฟอยู่ ผมชอบการวางครับ สวยดี และหลังจากที่ปรับโน่นนี่จนเข้าที่แล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง
หลังจากสตาร์ทแล้ว พอเริ่มออกตัวก็รู้สึกว่า เฮ้ย... รถนิ่งมาก ทั้งๆ ที่ทีมงานบอกให้รู้ตัวไว้ก่อนว่าเครื่องอาจจะมีเสียงระดับหนึ่งเพราะเป็นเครื่องดีเซล แต่ผมและเพื่อนๆ กลับพบว่ามันเงียบและขับได้นิ่งมากๆ จนระหว่างที่อยู่บนโทลเวย์ ผมเผลอเหยียบซะเร็วจนตกใจเมื่อตอนมาเหลือบดูเข็มบอกความเร็ว ซึ่งหน้าปัดของคนขับก็ดูสวยดีครับ ผมชอบแนวนี้ เท่ห์ๆ ใช้ได้เลย
กระจกข้างก็วางได้เห็นชัดเจน (ภาพนี้ถ่ายยากพอสมควร คงเข้าใจนะครับ ^^)
บนพวงมาลัยก็มีปุ่มบังคับความเร็วในโหมด auto cruise ด้วย ซึ่งจากที่ลองนี่ถือว่าสะดวกดีครับ สำหรับทางตรงที่รถไม่เยอะ ผมก็ได้ลองตั้งให้มันขับไปเรื่อยๆ เพื่อพักเท้าจากการเหยียบคันเร่ง แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยังชอบการเหยียบด้วยตัวเองมากกว่า ได้อารมณ์ของการขับดีครับ และหลังจากขับไปได้แป๊บเดียวพวกเราก็มาโผล่ที่อยุธยาแล้ว เพลินจริงๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าขับมาชั่วโมงกว่าละ
แล้วเราก็เริ่มมองหาร้านอาหารกัน แต่ด้วยการที่ทั้ง 4 คนไม่เคยมีใครมาร้านนี้เลย เลยต้องวนหากันนานพอสมควร แล้วก็มาเจอโจทย์ยาก นั่นก็คือทางขรุขระที่ทำให้หนักใจพอสมควรเพราะนี่มันไม่ใช่รถผม กลัวจะพารถมาพังเอากลางทาง
เรียกได้ว่าผ่านมาได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แม้จะเจอหลุมเล็กใหญ่ คนนั่งก็ยังรู้สึกว่าสบายเมื่อเทียบกับสภาพถนนที่ทุลักทุเลขั้นเทพ และในที่สุดเราก็มาถึงร้านเป้าหมายครับ
กุ้งแสนอร่อยจริงๆ เขียนไปน้ำลายไหลไป อยากกลับไปกินอีก...
นี่คือโฉมหน้าของขบวนการผู้ร่วมทดสอบ Chevrolet Cruze และแน่นอนว่าการทดสอบของเราไม่เพียงดูที่การขับและนั่งเท่านั้น เราลองมากกว่านั้น นั่นก็คือหลังจากที่เราพบว่าส่วนเก็บของท้ายรถมันกว้างมาก นี่ครับ ดูให้เห็นกันชัดๆ เลยว่ามันกว้างแค่ไหน
มันกว้างจริงๆ และระหว่างทางกลับเราก็ไม่พลาดที่จะแวะซื้อโรตีสายไหมด้วย
ส่วนอันนี้เป็นที่นั่งด้านข้างคนขับ ผมชอบการออกแบบและโทนสีมากๆ อันนี้สำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักแต่สำหรับผมนี่คือจุดหนึ่งที่ทำให้อยากเป็นเจ้าของ Cruze เลยทีเดียว มันโดน!
อันนี้ก็สะดวกดีครับ ที่เก็บแว่นตาหรือแว่นกันแดดของตำแหน่งคนขับ
อันนี้เป็นมุมมองจากฝั่งที่นั่งข้างคนขับ สังเกตว่าท่านั่งผมกำลังพอดีๆ เลยครับ
อันนี้มองจากที่นั่งด้านหลัง
อันนี้มองจากด้านหน้าไป จะเห็นว่ามันดูกว้างระดับหนึ่งเลยครับ
ประสบการณ์จากการทดลองขับ Chevrolet Cruze
ส่วนนี้ผมขอเล่าในฐานะคนขับรถธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่พูดถึงเรื่องทางเทคนิคนะครับ ความรู้น้อยครับ...
จากที่ได้ขับ Cruze ประมาณ 4-5 ชั่วโมง บอกได้ว่าตัวรถทำให้ผมประทับใจมากทีเดียว ด้วยความนิ่งและเงียบ นอกจากนั้นการเร่งก็ถือว่าเร็วทีเดียว ไม่เห็นเหมือนกับที่ทีมงานบอกไว้ก่อนว่ามันอาจจะไม่ทันใจเท่าไหร่เพราะตอนลองนี่เรียกว่าเหยียบปุ๊บมันก็ขึ้นทันที จะแซงในจังหวะเร่งด่วนก็ได้ทันใจจริงๆ
พอมาดูเรื่องการใช้น้ำมัน ทั้งทริปไปกลับอยุธยารวมการวนหาร้านอาหารร่วมชั่วโมงก็ใช้น้ำมันไปทั้งหมดประมาณครึ่งถังครับ ก็ถือว่าไม่เลวเพราะมีช่วงที่ผมเหยียบเร็วมากๆ และช่วงเร่งเพื่อทดสอบการแซงอยู่หลายช่วงทีเดียว
ที่ผมว่าทำได้ดีอีกอย่างคือที่กระโปรงหลัง ด้านในจะมีที่ให้ดึงในกรณีที่รถมันล็อคตัวเองแล้วคนติดอยู่ข้างใน สามารถที่จะปีนมาที่กระโปรงหลังแล้วดึงปุ่มเพื่อเปิดจากภายในได้ อันนี้ถือว่ารอบคอบดีครับ ขอชื่นชมการออกแบบครับ
อันนี้คือที่ดึงจากด้านในบริเวณกระโปรงหลังเพื่อหนีออกจากรถในกรณีเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่สามารถเปิดประตูแบบปกติได้
แต่ด้วยการที่ตัวรถค่อนข้างจะออกแนวสปอร์ตระดับหนึ่ง เบาะอาจจะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นความสบายแบบหรูหรา หลายๆ คนอาจจะรู้สึกไม่คุ้นกับรูปแบบเบาะ นอกจากนั้นตำแหน่งคนขับ โดยเฉพาะคนขับที่ตัวโตอาจจะมีจังหวะที่เข่าไปโดนปุ่มบังคับความแรงของแอร์ได้ แต่ถ้าใช้เวลาสักพักก็น่าจะคุ้นเคยและไม่ไปโดนได้ครับ
โดยรวมแล้วถ้าเอาประสบการณ์การใช้งานของคนขับทั่วๆ ไปเทียบกับราคาแล้ว ผมขอให้คะแนน Cruze 85/100 คะแนนครับ ถือว่าเป็นรถที่น่าเป็นเจ้าของทั้งในแง่ของการใช้งานและการออกแบบรูปทรง เรียกว่าอยากขับไปอวดเพื่อนๆ ได้เลยครับ J