Wednesday, June 24, 2009

June 24, 2009

หลังจากที่ไม่ได้เจอพี่ๆที่ Mycom มานานมาก ก็เลยนัดทานมื้อเย็นกัน วันนี้ไปที่ร้าน"ตำหนัก" ซอยตรงข้ามอิตัลไทย อาหารก็โอเค ดีใจที่ได้เจอพี่ๆอีกครั้ง มากันครบถ้วนทั้งทีมทีเดียว


Saturday, June 20, 2009

June 20, 2009

วันนี้ไปตรวจสภาพคอนโดมา ก็ถือว่าทำไปได้เยอะละ อีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าซะที

Saturday, December 6, 2008

แล้วคุณเป็นรถแบบไหน

วันนี้วันพ่อ แต่ผมกำลังนั่งทำโน่นนี่อยู่ที่ทำงาน ระหว่างทางมาที่นี่ ผมก็นั่งดูรถผ่านไปมาบนถนนจากเบาะหลังของแท็กซี่ แดดเปรี้ยงๆ คนอื่นเค้าทำอะไรกัน... รถกระบะคันแรกผ่านไป เค้าดูไม่ได้มีฐานะอะไรมากมาย แต่พ่อแม่ลูกนั่งแถวเดียวกันข้างหน้า หัวเราะเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนจะตลกใช้ได้... คันที่สองเป็นเชฟโรเลท คนขับดูแก่ แต่ป้ายแดงอยู่เลย มีป้าอีกคนเหมือนจะช่วยมองทาง ไม่รู้ไปไหน แต่ดูเค้ากำลังใช้สมาธิกับการขับรถทีเดียว... คันที่สาม เป็นรถแท็กซี่ มีคนนั่งเบาะหลัง กำลังจะไปทำงาน มีอาการหิวเล็กน้อย ความขี้เกียจอีกนิดหน่อย แล้วก็ความรู้สึกแปลกๆอยู่ในหัว ใช่ครับ.. คันนี้คือคันที่ผมนั่งเอง

รถทั้งสามคัน อยู่บนถนนเดียวกัน มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน แต่ว่าจุดหมายต่างกัน ที่มาต่างกัน ความเร็วต่างกัน อารมณ์ในรถต่างกัน และอื่นๆอีกมากมายที่ต่างกัน ... กลับมานั่งคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไป สิ่งที่ยังคาๆในหัวก็คงไม่แตกต่างกันกับรถสามคันนี้ ผมเพิ่งคุยกับคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตผมก่อนผมออกจากบ้าน เป็นบทสนทนาที่บอกตรงๆว่าหลายหลายอารมณ์จริงๆ มีทั้งเจ็บปวด เสียใจ ดีใจ แต่สุดท้ายแล้ว ระหว่างที่นั่งดูรถบนถนน ผมก็รู้สึกว่าชีวิตผมและคนสำคัญคนนั้นก็เหมือนรถบนถนนนี่แหละ ต่างคนก็มีจุดหมายของตัวเอง มีต้นทางและปลายทางที่ต่างกัน ความเร็วในการวิ่งต่างกัน รถที่ใช้ก็คนละแบบ รถผมอาจจะไม่ได้หรูหราราคาแพง ขับไปเรื่อยๆ ช้าบ้างเร็วบ้างไปตามประสา แต่บางคนอาจจะอยากขับรถดีๆราคาแพง เครื่องแรงๆ จุดมุ่งหมายอยู่ไกล ก็อาจจะต้องขับเร็วกว่า ก็แล้วแต่ว่าใครจะมีทิศทางการขับยังไง ไม่มีใครบังคับใครได้ รถแต่ละคันคนขับเป็นคนกำหนดเอง ถ้าขับเร็วแล้วจะเสี่ยงมีอุบัติเหตุ เค้าก็ต้องเตรียมใจและต้องเข้าใจว่า อุบัติเหตุบางครั้ง เค้าอาจจะเจ็บคนเดียว แต่ก็มีอีกหลายครั้ง ที่เค้าอาจจะทำให้คนที่ขับอย่างระมัดระวังเจ็บไปด้วย ความเจ็บที่เกิดขึ้นบางครั้งรักษาให้หายได้ บางครั้งก็อาจจะไม่โชคดีอย่างนั้น ถ้าแย่หน่อย เจ้าตัวก็อาจจะต้องสูญเสียแขนขาไปได้ แต่ถ้าเค้าพร้อมที่จะเสี่ยงเพื่อแลกกับการถึงที่หมายเร็ว หรือเพื่อความสนุกในการขับ มันก็ไม่มีใครบังคับเค้าได้ สิ่งที่คันอื่นๆทำได้ก็คือ ให้ทางกับเค้า แล้วก็รักษาระยะห่างไว้ หรือไม่ถ้าอยากจะสนุกไปด้วย ก็แข่งไปด้วยกัน ตื่นเต้นไปด้วยกัน แล้วไปลุ้นเอาว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า

ตอนนี้นั่งอยู่บนชั้น 28 มองลงไปก็เห็นรถวิ่งไปมาบนถนนเหมือนกัน บางคันขับดี สุภาพ บางคันขับกวนส้นตีน บางคันจอดอยู่ อีกคันถูกลาก มันช่างหลากหลายดีจริงๆ

แล้วคุณเอง เป็นรถแบบไหน... ยังไงก็ขอให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพทุกคนนะครับ

สุขสันต์วันพ่อครับ

Sunday, November 30, 2008

งานแต่งเพื่อนษา

แล้วเพื่อนก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปอีกหนึ่ง ^^

วันนี้เพิ่งไปงานแต่งงานเพื่อนษามา... ผมรู้จักเพื่อนษามาได้สองปีกว่าๆแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เข้าทำงานที่ True Move ด้วยกัน ซึ่งก็บังเอิญว่าเราเข้างานพร้อมกัน และก็บังเอิญมาอยู่แผนกเดียวกัน จึงเป็นเหตุเริ่มต้นล่ะมั้งครับที่ทำให้เรากลายเป็นเพื่อนสนิท แม้วันนี้ผมจะไม่ได้อยู่ที่ True Move แล้ว เราก็ยังเกื้อหนุนกันอยู่ (จะพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าษาเป็นคนเกื้อหนุนผมมากกว่า) และผมก็พูดได้เต็มปากจริงๆว่าษาเป็นคนที่ผมไว้ใจได้มากที่สุดคนหนึ่ง... ษาเป็นคนที่ทุกคนเห็นพ้องกันว่าเป็นคนน่ารักโดยธรรมชาติ ถ้าจะมีคนโกรธษาได้ มันต้องเป็นคนที่จิตใจไม่ปกติจริงๆ เพราะไม่ว่าจะยังไง ษาก็เป็นคนที่คนโกรธไม่ลง นั่นก็เป็นเพราะษาไม่เคยทำให้ใครโกรธ คงเป็นเพราะความเป็นคนเข้าอกเข้าใจ ขี้เกรงใจ และอัธยาศัยดีเป็นเลิศ ผมจึงสนุกและรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่คุยด้วยและทำงานด้วยกัน ถ้าวันหนึ่งผมมีบริษัทของตัวเอง รับรองได้เลยว่าผมจะขอให้ษามาช่วย :)

ผมรู้จักเรื่องส่วนตัวษาไม่มากนัก แต่ผมประทับใจที่ษามีแฟนแค่คนเดียวตั้งแต่โตมา และวันนี้ แฟนคนนั้นก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็นสามีไปเรียบร้อยแล้ว จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่โชคดีแบบเพื่อนษาของผม เจอคนรักที่ดีและจริงใจในครั้งแรกที่มีแฟน ถ้าบุญไม่พอจริงๆ คงไม่มีทางนะครับ

ผมดีใจกับเพื่อนผมจริงๆ ไม่ได้มีแกล้งพูดให้ดูดีเลยแม้แต่น้อย งานแต่งงานของเพื่อนษาวันนี้เป็นไปแบบเรียบง่ายแต่เป็นกันเองมาก... มากเสียจนผมยกให้เป็นงานแต่งงานที่ดีที่สุดงานหนึ่งที่ผมเคยไปมา ทั้งๆที่ไม่มีแขกระดับ VIP มาร่วมงานเหมือนงานอื่นๆ ไม่มีการประดับงานแบบสุดยอดอลังการ แต่พอรู้ว่างานเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ผมก็ยิ่งประทับใจไปอีก

ก่อนจะถึงวันงาน พี่ๆน้องๆที่แผนก Partnership ทุกคน รวมทั้งคนต่างแผนก ก็มานั่งช่วยกันเตรียมงาน น้องเดียร์ พี่เอก และอีกหลายๆคน เจียดเวลางานมานั่งเตรียมอุปกรณ์ประดับงาน จัดแจงทุกอย่างคนละไม้คนละมือ พี่ดอนทำ MV ให้ดีเสียจนผมคิดว่าเป็น MV จริงๆ พี่จั๋มก็มาเป็นประธานในงานเป็นครั้งแรกในชีวิต พี่จั้มช่วยถ่ายรูป พี่แนนและพี่แอนเป็นหน้าม้าได้แบบธรรมชาติมาก ดีนะว่ามีความกล้าและบ้าติดตัวมามากพอ ทำให้งานโดยรวมออกมาแล้วรู้สึกได้ว่าทุกๆคนช่วยกันจริงๆ ผมประทับใจจริงๆ และผมก็รู้สึกดีจริงๆที่ได้เคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Partnership นี้ ใครจะว่าไงผมไม่รู้ แต่นี่ก็คือครอบครัวหนึ่งของผม

ดีใจด้วจริงๆนะเพื่อนษา มีหลานมาให้แกล้งเร็วๆนะเพื่อน ^^

Thursday, November 27, 2008

ออกจากกล่องเล็กๆ ไปอยู่บนฟ้า

คืนนี้เป็นคืนที่สนุกดี ได้ไปนั่งบนยอดตึกตึกหนึ่งกลางกรุงเทพด้วยความบังเอิญ ตอนแรกก็แค่ตั้งใจว่าจะไปเจอเพื่อนเจนและเพื่อนโอ๋ เพราะเพื่อนโอ๋ดันเผชิญเหตุการณ์เลยร้ายหลายอย่างในช่วงไล่เลียกัน ราวกับเจอเบญจเพสทั้งที่วัยก็ล่วงเลยมาระดับหนึ่งแล้ว ตอนที่เจนโทรมาเรียกไปเที่ยว ตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้ "ชิว... ไปเที่ยวกลางคืนกัน โอ๋ request" โอ้.. รู้จักโอ๋มาก็สามปีกว่าๆ โอ๋เป็นคนที่กลับบ้านเร็ว หรือถ้าไม่เร็ว อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนที่จะชวนเพื่อนๆไปดื่มหรือเต้นอะไรแบบนี้ เข้าใจว่ามันคงอึดอัดมากจริงๆ ด้วยความเป็นเพื่อนที่ดี และเบื่อกับการอยู่แต่ในวงจรยุง (สั้นๆและไม่มีอะไรตื่นเต้น) จึงรับปากไปทันที ทั้งๆที่จนเหลือหลาย

พอมาถึง ตอนแรกกะจะไปนั่งโซนเบียร์สิงห์ ฟัง ดา เอนโดฟิน.. แต่กว่าเราจะมากันครบ พี่ดาคงหลับไปแล้ว เลยต้องเร่รอนไปจนตัดสินใจกันไปจบที่ Red Sky พื้นที่หรูหราบน Centara ลมเย็น เห็นดาวชัดเจน เป็นพิ้นที่ที่ระดับสายตาสูงกว่ายอดตึกอีกหลายๆตึกกลางใจเมืองกรุงเทพ เป็นพิ้นที่ที่ถ้าใช้ตรรกะทั่วไป ก็จะพบว่าไม่เหมาะกับช่วงเวลาใกล้สิ้นเดือนของผมเลย แต่เอาวะ มาแล้ว ไปก็ไป... ผมชอบมากทันทีที่ขึ้นมาถึง มันดูดี ลมเย็น บรรยากาศปลอดโปร่ง คนที่นั่งๆอยู่ดูมีรสนิยม แต่ที่เหนือกว่ารสนิยมคือเค้าดูมีเงิน ไอ้เรามากันสี่คนแรก ได้แต่ถามตัวเองว่า "อะไรเอ่ย ไม่เข้ากับพวก" แล้วคำตอบก็เป็นสิ่งที่เราไม่อยากได้ยินมากนัก แต่พวกเราก็หน้าไม่อายจริงๆ ตอนสั่งไวน์ พี่บ๋อยถึงกับขอหัวเราะออกมาราวกับรู้จักกันมานาน แถุมเค้ามีขอเดินกลับไปหัวเราะกับเพื่อนพนักงานเสิร์ฟ... ไม่เป็นไร ความสุขมีไว้แบ่งปันกัน เราดีใจที่ทำให้คนมีความสุข...

คืนนี้คุยกันไปหลายเรื่อง เรื่องของเราเองบ้าง เรื่องชาวบ้านบ้าง สนุกดี ตลกบ้าง ไม่ตลกบ้าง แต่พอมีไวน์แปลกๆที่ไม่มีใครรู้จักเลยมาร่วมผสม มันก็กลายเป็นคืนดีๆไปได้ง่ายๆ จนกระทั่ง bill ออกมา ใครจะยังตลกอยู่หรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าชีวิตเศร้าขึ้นมาทันที... -_-"

จบละ... 555 นึกว่าจะมีอะไรมากกว่านี้ล่ะสิ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังครับ ช่างเป็น blog ที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ แต่ผมแค่มีความสุขที่ได้เจอคนหน้าตาคุ้นเคยในเวลาที่ผมเหนื่อย และเบื่อ ขอบคุณเพื่อนเจนเพื่อนโอ๋ และเพื่อนๆอีก 3 ท่านที่ผมจำชื่อได้แน่นอน แต่ขอไม่ระบุ 555 แล้วไว้เจอกันใหม่ครับ คราวหน้าขอเป็นที่ที่ขาได้ทำงานหน่อยก็ดี วันนี้นั่งเยอะเกินไป...

สวัสดีครับ

Saturday, November 22, 2008

Almost the end of the year

หายไปพักใหญ่เลยทีเดียว แหะๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหมดมุขที่จะเขียน เพราะชีวิตช่างเป็นวงล้อที่เรียบง่ายเหลือเกิน ตื่นไปทำงาน กลับบ้านนอน จะมีอะไรหน่อยก็คือการไปเที่ยวอ่างขางกับ MIM ที่เป็นการเอาตัวเองออกนอกวงเวียนนี้ได้ แต่ content ของการเที่ยวผมขอไม่เขียนถึงมากละกันครับ ไม่ใช่ไม่ประทับใจ ความจริงแล้วตรงข้ามเลยครับ เป็นการไปที่เหมือนเทน้ำลงไปบนต้นไม้แห้งๆง่อยๆให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง การไปเห็นไปได้ยินอะไรต่อมิอะไร ถึงจะไม่มีอะไรใหม่เลย เพราะผมไปเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่ทุกครั้งที่ไปก็รู้สึกดีและแทบเสียน้ำตาทุกครั้ง ปีหน้าจะไปอีก และก็ปีต่อๆไปด้วยครับ

ช่วงนี้เริ่มหนาวแล้ว จะสิ้นปีอีกแล้วเหรอ.. หนึ่งปีที่ผ่านมามันเร็วจริงๆ เร็วจนเหมือนยังไม่ได้ทำอะไรเลย -_-" สิ้นปีปีนี้เปลี่ยนไปนิดหน่อย คงไม่ได้ไปกินอะไรอร่อยๆเป็นพิเศษวันคริสต์มาสอีก จะว่าไปก็นึกไม่ออกเลยเหมือนกันว่าคริสต์มาสกับปีใหม่จะทำอะไร ก็ถ้าไม่กลับไปหาพ่อแม่ ก็คงเที่ยวกับเพื่อน แต่ติดนิดหน่อยก็ที่วันหยุดหมดไปแล้ว ถ้าจะกลับก็คงต้องทำร่างกายให้อ่อนแอ แล้วก็ลาป่วยไป ... เข้าใจมากกว่าปีอื่นๆเลยทีเดียว ที่ว่าลมหนาวมาแล้วมันเหงาเนี่ย ปกติก็ขี้เหงาอยู่แล้ว ปีนี้คงจะต้องอาศัยกำลังใจของตัวเองมากเป็นพิเศษแฮะ แต่จะให้ออกไปเที่ยวนู่นนี่ก็ไม่อยากเหมือนกัน อยากเริ่มเก็บเงินไว้ไปทำอย่างอื่นแล้ว ไหนจะคอนโด และรถ และเผื่อวันนึงแต่งงาน 555 เตรียมล่วงหน้าไปไกลจริงๆ มองไปที่ขั้นที่ 10 แล้ว ขั้นแรกคือการมีแฟนยังไม่บรรลุเลย ประเสริฐจริงๆ...

เห็นมั้ยครับ มันไม่ค่อยมีเรื่องเล่าจริงๆ หรือจริงๆมันอาจจะมีแต่สะกัดออกมาเป็นเรื่องเขียนไม่ได้ ไว้ถ้าไงถ้าวัตถุดิบผมพร้อมแล้วจะกลับมาใหม่นะครับ

นอนหลับให้สบายและขอให้อุ่น ฝันดีทั้งคืนนะครับ :)

Sunday, October 5, 2008

Wonderful weekend

ช่างเป็นศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ยอดเยี่ยมไปเลย... สงสัยว่ากฎแห่งแรงดึงดูดจะใช้ได้แฮะ ผมเริ่มต้นด้วยการไปกินข้าวเย็นกับพี่ๆที่ Mycom ที่ร้าน Tohkai ตรงซอยธนิยะ นานแล้วที่ไม่ได้เจอกันเยอะๆแล้วก็หัวเราะกันแบบหลุดโลกแบบนี้ การหัวเราะนี่มันเป็นยาจริงๆด้วย มันเหมือนห้องย้อนเวลายังไงยังงั้น ผมนึกถึงเมื่อหลายปีที่แล้วที่ผมยังเป็นส่วนหนึ่งของ Mycom และพวกเราทำงานกันแบบบ้าคลั่ง แต่ก็ยังพอจะมีเวลามากินกันแบบกระเพราะรั่วได้ เรื่องกินนี่มันเป็นงานหลักอีกอย่างของพวกเราเลยก็ไม่ปาน ผมเหมือนได้กลับบ้านที่มีพี่ๆเต็มไปหมด เนื้อก็อร่อยนะ แต่ผมว่ามื้อนี้มันไม่ใช่แค่รสชาติ ตั้งใจไว้ว่าต่อจากนี้ไปจะต้องเจอกันบ่อยขึ้น ซักสองเดือนครั้งได้ก็คงจะดี...

หลังมื้อเย็นผมก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆต่อ ก็บังเอิญเจอ"แขน"ด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรมาก คุยกันแค่พอเป็นพิธี วันรุ่งขึ้นผมนัดทานมื้อเที่ยงกับเพื่อน MIM... เหมือนกับนานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้เจอสามสี่คนนี้ ผมเหมือนเพิ่งตื่นอีกแล้ว ผมรู้ตัวทันทีเลยว่าผมคิดถึงการใช้ชีวิตแบบสบายๆกับเพื่อนๆเหล่านี้จริงๆ... ที่ผ่านมาผมไปมัวทำอะไรอยู่ ผมมองข้ามคนดีๆรอบตัวเหล่านี้ไปได้ยังไง

พอกินเสร็จผมก็ไปเจอน้องๆ MIM อีกรุ่น ไปดูหนัง Clone Wars มา ถึงจะงีบไปเล็กน้อย แต่ก็เป็นหนังที่สนุกดี จากนั้นก็ไปหาอะไรกินแล้วก็บังเอิญมีคอนเสิร์ตของ K Bank โอ้.. ได้ดูคิ้ม เบน โก้ แล้วก็โก๊ะตี๋ฟรีๆซะงั้น นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ผมชอบมาก ใช่แล้วครับ.. ดนตรี ทุกครั้งที่ผมหลุดไปอยู่ในโลกของดนตรี ผมจะหลุดจากพันธนาการทั้งปวงไปด้วยเหมือนกัน ผมสาบานได้เลยว่าถ้าคิ้ม โก้ เบนมีความสามารถพอที่จะเล่นดนตรีโดยไม่หยุดเป็นเวลา 24 ชม.ได้ ผมก็มีปัญญาที่จะนั่งฟังไปเรื่อยๆได้เหมือนกัน (ฟังดูกินแรงชาวบ้านจริงๆ)

เช้าวันนี้ (วันอาทิตย์) เป็นวันที่ผมรอมานาน... งาน Open House ของ MIM ครับ นี่เป็นปีที่ 3 แล้วที่ผมได้เป็น speaker บนเวที มีคนฟังมากมาย บรรยากาศที่คุ้นเคย คนที่คุ้นเคยเต็มไปหมด นี่ก็เป็นบ้านอีกหลังของผมเหมือนกัน (ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนคนมีหลายบ้าน) แต่ผมสนุกกับ Open House ทุกๆครั้ง.. ไม่ดิ ผมสนุกกับทุกๆงานที่เป็นของ MIM ต่างหาก วันนี้ก็เจอ"แขน"อีกเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คุยกันเลย นอกจากกลับบ้านแล้วก็ MSN ไปบอกว่างานที่เค้าเตรียมมาค่อนข้างดี ตกเย็นผมก็ไปนวดที่ปากซอยมา เป็นการนวดที่ดีที่สุดครั้งนึงเลยทีเดียว พี่แกกะว่าจะเหยียบผมให้ตายเลยก็ว่าได้ เจ็บโคตรแต่พอเสร็จแล้วสบายตัวจริงๆ เค้าเองก็คงถูกใจผมไม่น้อย เห็นชมใหญ่ว่า "นี่น้องก็ชอบให้นวดแรงๆเหมือนกันนะนี่ เป็นคนอื่นร้องไปแล้ว" ผมตอบสั้นๆง่ายๆ "พี่ ไอ้ที่ผมไม่ร้องไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึกอะไร แค่ร้องไม่ออกครับ" -_-" คราวหน้าตั้งใจแล้วว่าจะนวดกับพี่คนนี้อีก ใครอยากลองก็เชิญได้นะครับ พี่เค้าชื่อพี่พยอม ร้านสะบันงา ปากซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 ครับ

ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว จริงๆแอบคิดอยู่ว่าจะนอนเลยดีมั้ย แต่พอนึกไปนึกมา ถ้ามันนอนอิ่มตั้งแต่ตีสี่เนี่ย ตูจะตื่นมานั่งทำอะไรวะ เลยนั่งดูทีวีไปก่อน อ้อ... เพื่อนโอ๋เพิ่งโทรมาเมื่อกี๊ มันบอกว่าเพิ่งจะรู้ว่าจริงๆผมมี secret admirer เยอะเหมือนกัน ฟังแล้วก็แอบดีใจ ถึงจะพอได้ยินว่ามีคนนั้นคนนี้แอบชื่นชมบ้าง แต่พอมีเพื่อนที่(แม่ง)ไม่เคยมองเห็นจุดนี้ของเรามาบอก ฟังแล้วมันก็แอบหัวใจพองโตไม่ได้ ดีใจๆ ^^ อืม เขียนไปเขียนมาก็ไม่รู้จะเขียนไรต่อแล้ว แค่รู้สึกมีความสุขแล้วอยากจะเล่าให้ใครฟัง

เอาเป็นว่าพอก่อนละกันนะครับ ไว้จะมาเล่าใหม่ ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจใน blog ที่แล้วนะครับ ผมรู้สึกได้ถึงความห่วงใยของทุกคน ผมดีใจที่ผมมีคนดีๆรอบตัวมากมาย ผมจะไม่ลืมเลยจริงๆ เบิร์ดรักทุกคนนะครับ