Friday, December 31, 2010

2553... ว่าที่อดีตก่อนถึงปัจจุบันอันใหม่ในอนาคตอันใกล้

ปี 2553 เป็นอีกปีที่สามารถใช้คำว่าใช้ชีวิตอยู่บน fast lane ได้อย่างเต็มปาก มองย้อนกลับไปมีอะไรเกิดขึ้นเยอะมาก อย่าว่าแต่คนอื่นสงสัยว่าผมทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ผมเองยังสงสัยว่ามันอัดเข้าไปได้ยังไงเยอะแยะ

ปีที่ผ่านมาได้เขียนบทความลงหนังสือ, ได้เขียนข่าวลงเว็บ, ได้ออกทีวี, ได้ออกวิทยุ, ได้ขึ้นพูดบนเวที, ได้เป็นวิทยากร, ได้คลุกคลีกับสังคมออนไลน์และสังคมไอที, ได้เจอน้องๆรุ่นใหม่เกือบๆร้อยคน, ได้เปลี่ยนงาน 2 ครั้ง, ได้บินไปเที่ยวต่างประเทศ, ได้พบกลุ่มเพื่อนที่ ณ วันนี้เรียกได้ว่าเคมีลงตัวที่สุด, เปลี่ยนโทรศัพท์ไป 3-4 เครื่อง, มีเรื่องไม่พึงประสงค์กับหนังสือที่เขียน, (เหมือนจะ)มีคนเข้ามาในชีวิตแล้วก็ผ่านไป, เกือบจะได้ทำรายการทีวีแล้วก็ผ่านไป, ได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคงและบริษัทเล็กๆที่เป็นประสบการณ์ที่แสนดี, ได้เจอคนที่โคตรจะเก่งและคนที่แม่งกลับดาวอังคารไปดีกว่ามั้ง, ได้บริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพแต่ก็ยังไม่หยุด, ได้ร้องคาราโอเกะจนนับชั่วโมงไม่ได้, ได้กลับมาลอยกระทงอีกครั้ง, ได้ทำค่ายที่ประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต, ได้นามบัตรชาวบ้านไม่รู้กี่ร้อยใบ, มีเรื่องให้ปวดสมอง, มีเรื่องให้หัวใจพองโต, มีเรื่องให้งงว่าทำไมมันไม่จบไม่สิ้น, มีเรื่องให้คิดว่าจนถึงวันนี้... ชีวิตเราใช้มันคุ้มแล้วหรือยัง และนี่ก็เป็นคำถามที่ทำให้กลับมานั่งย้อนดูปีที่ผ่านมาและเป็นจุดเริ่มต้นให้คิดอย่างพิถีพิถันว่าปีหน้าจะทำอะไรบ้าง...

อย่างที่เขียนตอนต้นว่าปีที่ผ่านมาใช้ชีวิตอยู่บน fast lane อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ ทุกอย่างวิ่งเร็วมาก แต่ละวันแค่ทำให้ทันกับที่สมอง,หัวใจและหน้าที่บอกให้ทำก็ทำไม่ทันแล้ว ทำ ทำ ทำแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่ได้มีเวลากลับมานั่งนิ่งๆ ทำหัวกลวงๆคิดเลยว่าที่ทำมันตอบโจทย์ชีวิตหรือไม่และแค่ไหนบ้าง รู้แค่ว่าสนุก รู้แค่ว่าท้าทาย รู้แค่ว่าต้องทำแล้วก็ทำไปเลย หลายๆครั้งพอมานั่งดูแล้วก็ถึงได้คิดได้ว่าไม่น่าเสียเวลาทำเลย แต่หลายๆครั้งก็รู้สึกว่า โชคดีจริงๆที่ได้ทำ ซึ่งพอเฉลี่ยๆออกมาแล้วมันก็น่าพอใจมากๆ และปี 2553 ก็กลายเป็นอีกปีที่ผมชอบมากและพบว่ามีสิ่งดีๆเกิดขึ้นมากมาย ใช่ครับ มากมายจริงๆ

ปี 2554 กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้ว ตอนนี้มีเป้าหมายใหญ่ๆอยู่ 2-3 อย่าง บางอย่างควรทำ บางอย่างอยากทำ และบางอย่างต้องทำ มันคงเลี่ยงไม่ได้ที่เราทุกคนต้องเจอ 3 อย่างนี้ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเราจะควบคุมตัวเราเองยังไงให้มีสติและทำไอ้ 3 อย่างนี้ให้ออกมาให้ดีแล้วทำให้ปี 2554 กลายเป็นอีกปีที่น่าจดจำและทำให้ตัวเราเองเติบโตอย่างแข็งแรงให้ได้

คำตอบมีอยู่ในหัวแล้ว เป้าหมายค่อนข้างชัดเจน สติค่อนข้างนิ่ง ณ เวลานี้ มีเพื่อน มีเพื่อนร่วมงาน มีครอบครัว มีอะไรหลายๆอย่างอยู่ในระดับที่พอเพียงแล้ว สิ่งที่จะเกิดในปี 2554 ผมคงบอกไม่ได้ว่ามันจะมีอะไรบ้างเพราะผมไม่ใช่พวกหมอฟันธง หมอคอนเฟิร์มอะไรพวกนั้น แต่ที่รู้คือผมจะยังไม่หยุดเดิน จะยังไม่ผ่อนแรง จะยังไม่ถอยไปซะก่อน และจะไม่เอาอะไรหนักๆมาวางบนไหล่แล้วแบกมันไปให้เสียเวลา ผมจะทำตัวเบาๆแต่เดินอย่างหนักแน่น ผมจะทำหัวว่างๆเปิดรับสิ่งใหม่ จะทำใจให้บวกเท่าที่จะทำได้เพราะนั่นเป็นพลังเหนือธรรมชาติอันเดียวที่ผมครอบครองได้ หลังจากนั้น... อะไรจะเกิดก็ต้องรับมือกับมันและเปลี่ยนให้มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้ได้

2554 จะต้องเป็นอีกปีที่ดี สนุก ตื่นเต้น เติบโต อิ่มเอม และมีคุณค่า นี่คือที่ผมรู้และตั้งใจให้มันเกิด ผมควบคุมเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้แต่ผมควบคุมสมองและร่างกายของผมได้ ... นั่นก็เพียงพอมากๆแล้ว

ขอบคุณปี 2553 ที่เอาอะไรมาให้ผมเยอะแยะเต็มไปหมด ขอบคุณทุกคนที่อยู่รอบตัวทั้งคนที่มาแล้วจากไป และคนที่ยังอยู่ด้วยกันมาอย่างเหนียวแน่น ผมขอขอบคุณคนกลุ่มหลังนี้มากๆเพราะผมคงทำอะไรหลายๆอย่างไม่ได้ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ ผมมั่นใจว่ากลุ่มหลังนี้ก็จะยังอยู่ด้วยกันต่อไปในปี 2554 ที่จะถึงนี้และอยากจะบอกว่าผมก็จะอยู่แถวๆนี้ในเวลาที่คุณต้องการเหมือนกัน อยากขอบคุณโอกาสที่หลายๆคนมอบให้ ผมรับรู้และขอบคุณทุกๆคนตลอดเวลาแม้หลายๆครั้งจะเป็นการขอบคุณเงียบๆอยู่ในหัวผมเองก็ตาม ผมขอบคุณทุกความล้มเหลวและความบัดซบในชีวิตด้วยเช่นกัน ไม่มีสิ่งเหล่านี้ชีวิตคงน่าเบื่อและไม่ทำให้ผมเติบโตขึ้นได้ ขอบคุณครอบครัว เพื่อน อาจารย์ เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก คนเคยรู้จัก และคนที่ไม่รู้จักที่แม้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ในบางเวลา บางสถานการณ์คุณอาจจะทำอะไรสักอย่างแล้วมันมาถึงผมได้โดยที่เราต่างคนต่างไม่รู้ตัว อาจฟังดูเวอร์แต่ผมเชื่อเรื่องนี้จริงๆ มันมีบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ข้างนอกนั่นจริงๆ และสุดท้ายผมคงไม่ลืมที่จะขอบคุณตัวผมเองที่ยังไม่หยุดเดิน ไม่ล้มแล้วล้มเลย ไม่หมดหวัง ไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ผมท้อเกินกว่าจะเดินต่อไปได้

ปีนี้จะจบลงแล้ว ปีหน้ากำลังจะมา ผมว่าผมพร้อมแล้ว งั้นก็ปล่อยให้ปี 2554 เริ่มได้เลยละกัน ... :)

Tuesday, November 16, 2010

บันทึกส่งท้าย...แด่อ่างขางที่รัก

ปีที่ 5 แล้วที่กลับไปอ่างขาง แม้จะจำความรู้สึกปีแรกๆเป๊ะๆไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าการตั้งตารอไปแต่ละครั้งเหมือนกับไม่เคยไปมาก่อน และการกลับมาจากอ่างขางก็จะมีความรู้สึกเหมือนกันทุกครั้งคือ อิ่มเอม, ศรัทธา, ตื้นตัน และเริ่มนับถอยหลังถึงวันที่จะได้ไปอีกครั้ง

จริงๆแล้วจะว่าไปสภาพแวดล้อมของอ่างขางแม้จะมีส่วนแต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักสักเท่าไหร่ อากาศเย็นๆ ป่าที่อุดมสมบูรณ์มันเป็นแค่ตัวประกอบฉากที่ทำให้เนื้อเรื่องหลักมีพลังและมีเสน่ห์มากขึ้นเท่านั้นเอง ส่วนหัวใจจริงๆของความประทับใจกลับเป็นเรื่องราว เป็นตำนาน เป็นจารึกที่มีไม่กี่คนที่รู้ น้อยคนที่ได้สัมผัส แต่กลับมีผลกับคนมากมายมหาศาล เป็นการให้ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว การให้ที่ไม่ใช่เงินทองมากมาย ไม่ใช่การอวดอ้างเพื่อสร้างภาพ แต่เป็นการให้ที่หวังเพียงว่าคนรับจะอยู่ได้อย่างมีความสุขในทุกๆลมหายใจที่เหลือ การให้อย่างที่"พ่อ"คนหนึ่งจะสามารถให้"ลูก"ได้ ต่างกันแค่เพียงเรื่องราวนี้มีพ่อเพียงหนึ่งคน แต่มีลูกจำนวนนับร้อยพันที่ต่างทั้งที่มา ฐานันดร และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกันเลยทางสายเลือด ... เพราะอะไร"พ่อ"ที่ไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดถึงให้"ลูก"ได้มากมายขนาดนี้

ในขณะที่ลงเขา ผมก็ได้แต่นึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ได้ยิน และสิ่งที่ได้เห็น ... ตัวผมจากมาแล้วแต่บางอย่างของผมยังอยู่ที่นั่น ... เปล่า ผมไม่ได้ลืมอะไรไว้ แต่ผมตั้งใจที่จะฝากความศรัทธา ความตื้นตัน และความอิ่มเอมไว้ที่อ่างขาง... ผมจะกลับมาอีก ผมจะมาขอบคุณทุกๆคนที่นั่นอีกครั้งที่ทำให้เมืองไทยยังโคตรจะน่าอยู่ ขอบคุณจริงๆครับ

ผมรักในหลวงและจะขอเกิดมาเป็นเศษธุลีบนแผ่นดินของพระองค์ทุกๆชาติไป

Tuesday, November 9, 2010

เปรียบเทียบ Tablet 6 รุ่นเด่น

จากวันที่ค่ายยักษ์ใหญ่ออกแท็บเล็ตเขย่าโลกอย่าง iPad เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าสะเทือนไปหลายๆวงการทั้งวงการ E-Books วงการมัลติมีเดีย อุปกรณ์พกพา หลายๆค่ายก็เริ่มออกตัวกับระบบปฏิบัติการอื่นๆอย่าง Android, BlackBerry ในวันนี้เราคงได้ยินชื่อ tablet จากคนไอทีรอบข้างบ่อยขึ้นจนติดหู ตอนนี้ tablet ถือว่าเป็นอุปกรณ์ไอทีที่กำลังได้รับความนิยม และที่พูดถึงและถูกจับตาเป็นอย่างมาก เป็นกระแสใหม่ที่ผู้ผลิตหลายๆเจ้ากำลังหันมาให้ความสนใจ และด้วยราคาที่ถูกลงอย่างมากเมื่อเทียบกับยุคแรกๆทำให้ tablet กำลังจะกลายมาเป็นของเล่นที่ใครหลายๆคนอยากเป็นเจ้าของ .... แต่ตัวไหนดีล่ะ?

วันนี้ลองมาดูกันครับว่า tablet ที่อยู่ในตลาดมันมีตัวไหนบ้างและท้ายที่สุดแล้วตัวไหนน่าจะเหมาะกับคุณ ซึ่งแท็บเล็ตที่ผมจะพูดถึงในบทความนี้คงหนีพี่ใหญ่ที่ออกมาเขย่าวงการไปไม่พ้น นั่นก็คือ iPad จาก Apple ที่ปลุกตลาด tablet ให้ตื่นอย่างเต็มตัว และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึง Apple แล้วก็ต้องพูดถึงคู่แข่งอย่าง Android ที่มีหลากหลายผู้ผลิตกำลังเข็น Android tablet ออกมาแข่ง ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Tab ที่ Samsung ส่งมาท้าชนกับ iPad หรือจะเป็น Wellcom A800 ที่แจ้งเกิดในบ้านเราอย่างสวยงาม รวมไปถึง Dell Streak น้องใหม่ที่กำลังจะวางขายในบ้านเราเร็วๆนี้ แต่นั่นก็ยังไม่พอ เมื่อฝั่งของ Microsoft ก็จับมือกับพันธมิตรอีกหลากหลายรายเตรียมดัน Windows 7 tablet ออกมาแย่งส่วนแบ่งบ้าง จนทำให้ BlackBerry ก็นิ่งนอนใจไม่ได้ ต้องออกมาประกาศว่าบริษัทจะส่ง Playbook ออกมาสู้ในตลาดนี้บ้าง สงคราม tablet ที่กำลังระอุนี้จะเป็นอย่างไร เราลองมาดูกันเลยดีกว่าครับ


iPad

เริ่มจาก iPad ที่ทั้งโลกให้ความสนใจและแย่งกันซื้อจนทำให้ยอดขายพุ่งไปอยู่ที่ 4.5 ล้านเครื่องต่อไตรมาสแล้ว iPad ถือเป็น Tablet ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจาก iPhone ได้อย่างลงตัว โดยดึงจุดแข็งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ง่าย, หน้าตาที่ดูสวยงาม, การใช้ฐานของแอพพลิเคชั่นที่แข็งแรง ฯลฯ ทำให้ iPad สามารถแจ้งเกิดได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายๆราย

สำหรับการใช้งาน iPad ถือได้ว่ารักษามาตรฐานของสินค้า Apple ได้เป็นอย่างดี การตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอและความลื่นยังเป็นจุดเด่นแรกๆที่ทำให้ประทับใจได้ทันทีก่อนที่จะเริ่มใช้งานแอพพลิเคชั่นใดๆด้วยซ้ำไป ตัวเครื่องที่ขนาดหน้าจอค่อนข้างใหญ่ทำให้การอ่านเอกสาร, หนังสือ e-book, การจัดการกับอีเมลล์ หรือแม้แต่การดูหนังก็ทำได้อย่างสะดวกและเต็มอรรถรสมาก นอกจากนั้นจุดเด่นเรื่องการใช้แบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ยิ่งช่วยทำให้ iPad เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการพกพาติดตัวไปใช้งานนอกบ้านอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ใช้ iPad หลายๆคนบ่นว่าเนื่องจากขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้เมื่อใช้งานนานๆแล้วเกิดอาการเมื่อย รวมถึงการที่ iPad ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการแสดงผล Flash บนเว็บเบราเซอร์ทำให้บางคนอาจจะผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเล่นเว็บแล้วไม่สามารถดูข้อมูลได้ครบถ้วน 100%

เมื่อข้ามฝั่งจาก Apple มาทางฝั่งของ Android ก็จะเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์ Android Tablet วางจำหน่ายอยู่จนถึงตอนนี้ก็เป็นสิบรุ่นไปแล้ว ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป

Samsung Galaxy Tab

เริ่มจากตัวแรกที่เป็นที่ฮือฮามากที่สุดก็ได้แต่ Samsung Galaxy Tab ที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะมาเป็นคู่แข่ง iPad

Samsung Galaxy Tab ด้วยขนาดหน้าจอ 7 นิ้วทำให้ตัวเครื่องมีขนาดที่ค่อนข้างกระทัดรัดและพอดีมือ สะดวกต่อการพกพา เหมาะกับการอ่านข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอีเมลล์, เอกสาร, e-book หรือแม้แต่การเล่น Facebook, Twitter จุดเด่นของ Galaxy Tab คือตัวเครื่องที่ดูโฉบเฉี่ยว บาง และหน้าจอที่สีสันสดใส สามารถถือใช้งานได้คล่องตัว นอกจากนั้นGalaxy Tab ยังมาพร้อมกับหน้าตาที่เรียกว่า TouchWiz ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Samsung รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นอีกหลายตัวที่ถูกเสริมเข้ามาโดยการพัฒนาของ Samsung เองที่ช่วยให้การใช้งานครบถ้วนขึ้น

จากการใช้งานพบว่า Galaxy Tab สะดวกต่อการพกพาและช่วยให้การพิมพ์เป็นเรื่องง่ายมากหากพิมพ์แนวตั้งโดยใช้ 2 มือ การจัดการแบตเตอรี่ถือว่าทำได้ดีแต่พบปัญหาเรื่องการแสดงผลของบางแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับหน้าจอขนาดใหญ่ แต่การใช้งานแอพพลิเคชั่นเช่น อีเมลล์หรือตารางนัดหมายถือว่าสะดวกและคล่องตัวมาก และการอ่าน e-book ก็ทำได้ค่อนข้างดี

Wellcom A800

ข้ามมาที่ Wellcom A800 ที่ถือว่าเป็น Android Tablet ที่เปิดตัวเป็นรุ่นแรกอย่างเป็นทางการในบ้านเราบ้าง การมาของ A800 ทำให้คนที่สนใจ Tablet แต่กำลังมองหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจาก iPad เกิดการตื่นตัวและให้ความสนใจเป็นอย่างมากและเป็นส่วนผลักดันให้ A800 แจ้งเกิดได้อย่างงดงาม

A800 ถือว่าเป็น Android tablet ที่มาแบบเหนือความคาดหมายพอสมควร ทั้งเรื่องความคุ้มค่ากับราคาและการเปิดตัวพร้อมกับ Android 2.2 ทั้งๆที่ข่าวก่อนหน้านั้นระบุว่าเป็น Android 2.1 ด้านการใช้งานสามารถตอบโจทย์พื้นฐานได้ครบถ้วน ทั้งการถ่ายรูป, ดูหนัง, ฟังเพลง, อ่านอีเมลล์หรือเอกสารต่างๆ นอกจากนั้น Wellcom ยังเพิ่มแอพพลิเคชั่นพิเศษสำหรับคนไทยให้มาพร้อมกับตัวเครื่องและยังมีแผนพัฒนาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องด้วย

อย่างไรก็ตามการออกแบบตัวเครื่องยังถือว่าไม่โดดเด่นมากนักเนื่องจากตัวเครื่องที่ค่อนข้างหนาและดูเหลี่ยม แต่การประกอบถือว่าทำได้ค่อนข้างดี อาจจะเป็นเพราะใช้โรงงานเดียวกับที่ Apple ใช้ผลิต iPhone ส่วนเรื่องการสัมผัสอยู่ในระดับพอใช้ สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างราบรื่น

Dell Streak

มาถึงทางด้านน้องใหม่ที่กำลังจะวางขายในประเทศไทยกันบ้าง ถือเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์หันมาเล่นตลาด Android tablet แต่ก็ถือว่าเปิดตัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีทีเดียว Dell Streak เป็นน้องใหม่ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้สัมผัสได้อย่างเหนือความคาดหมาย

Dell Streak ถือเป็น tablet ที่ขนาดเล็กกว่ารุ่นอื่นๆเพราะมีขนาดหน้าจอเพียง 5 นิ้ว แต่ด้วยตัวเครื่องที่ออกแบบและประกอบมาอย่างดีทำให้ดูโดดเด่นและน่าสัมผัสมาก ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้เน้นการใช้งานแนวนอน จึงยิ่งทำให้นึกถึงเครื่องเล่นเกมพกพาอย่าง Sony PSP การใช้งานทั่วไปครบถ้วนตามแบบฉบับของ Android แต่ที่น่าจะเหมาะจริงๆก็คือการใช้งานเพื่อเล่น social network และเพื่อความบันเทิงมากกว่าการใช้งานเชิงธุรกิจ เนื่องจากขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นใหญ่ๆไม่มากนักและอาจจะไม่ใหญ่พอที่จะช่วยให้การใช้อีเมลล์หรือเอกสารต่างๆสะดวกมากพอระดับเดียวกับ tablet ขนาด 7 นิ้ว หลายๆคนจึงมักจะเกิดคำถามว่าจริงๆแล้ว Tablet ขนาด 5 นิ้วเหมาะกับการใช้งานแบบไหนกันแน่

Windows 7 Tablet

ตลาด tablet คงจะไม่สนุกหากขาดพี่ใหญ่อีกเจ้าอย่าง Microsoft ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆเมื่อ Microsoft จับมือกับพันธมิตรหลากหลายเตรียมส่ง tablet พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 7 ออกมาสู้ในตลาดด้วย พันธมิตรที่ว่ามีทั้ง Fujitsu, Dell, HP, MSI, Archos ฯลฯ ซึ่งคงจะมีให้เห็นกันหลากหลายรุ่นทั้ง 7 นิ้ว 9 นิ้ว เป็นต้น และแม้จะมีเพียงน้อยรุ่นที่ออกมายืนยันสเปคแต่ก็พอจะเห็นได้ว่า Windows 7 tablets น่าจะมาพร้อมกับเครื่องที่ประสิทธิภาพสูง ลองดูตัวอย่างจาก HP Slate จะเห็นว่าตัวเครื่องมาพร้อมกับสเปคที่สูงมาก ทั้ง CPU, RAM และการรองรับการใช้งานต่างๆอย่างที่เป็นที่รู้จักดีอยู่แล้วสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ทำให้หลายๆคนให้ความสนใจและรอการวางจำหน่ายของ Tablet ตระกูลนี้เป็นจำนวนไม่น้อย

Playbook

รายล่าสุดที่ออกมาสร้างความสนใจในตลาด tablet คงหนี RIM หรือผู้ผลิต BlackBerry ไปไม่ได้ เมื่อ Playbook ถูกเปิดตัวพร้อมกับโฆษณาที่บรรจุจุดขายที่น่าสนใจเข้าไปอย่างเพรียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ multitasking, multitouch, Adobe Flash, Adobe Air, PDF, OpenGL และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าการใช้งาน Playbook ถูกออกแบบให้เข้ากับ BlackBerry อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งทำให้หลายคนอยากเห็นว่าการเชื่อมต่อกันจะออกมาในรูปแบบไหน แต่รายละเอียดที่แน่นอนคงจะค่อยๆถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆจนกว่าจะถึงการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกของปี 2554

เปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ

หากเราลองเอารายละเอียดของแต่ละรุ่นมาให้คะแนนเพื่อดูว่าความน่าสนใจของแต่ละรุ่นเป็นอย่างไร คงจะได้ผลลัพธ์ตามตารางด้านล่างนี้ครับ โดยการให้คะแนนใช้จะแบ่งเป็น 4 ระดับคือ

3 คะแนน คือ ดีมาก
2 คะแนน คือ ดี
1 คะแนน คือ พอใช้
0 คะแนน คือ เป็นจุดอ่อน


สำหรับรายละเอียดส่วนที่เหลือเดี๋ยวจะเอามาลงให้ได้อ่านกันอาทิตย์หน้านะครับ หรือถ้ารอไม่ไหวก็หาอ่านได้จาก PC Today ปักษ์หลังเดือนตุลาคมครับ :)

Monday, November 8, 2010

Nokia workshop สำหรับผู้ใช้ N8

ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะเขียนรีวิว Nokia N8 ก่อน แต่ก็ยังไม่ได้ทำซะที จนกระทั่งได้เวลาไปร่วมงาน workshop ที่โนเกียจัดให้ผู้ที่ใช้ N8 เลยเอามาเขียนแทรกก่อนละกันนะครับ แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะจากที่ผมไม่คุ้นกับ N8 เลย พอไปร่วมงานถึงได้รู้จักเจ้าโทรศัพท์สเปคไฮโซตัวนี้เพิ่มขึ้นและมีหลายๆอย่างที่ทำให้ผมทึ่งไม่น้อย

งาน Nokia workshop จัดที่บู๊ธ Nokia Experience ที่พารากอนครับ ซึ่ง workshop ที่ว่านี้จะมีจัดทุกเสาร์อาทิตย์ครับ เรียกว่าใครเป็นมือใหม่อยากไปทำความรู้จักกับ N8 ก็เลือกไปฟังได้ตามสะดวกเลย ตอนที่ผมไปคือวันเสาร์ช่วงบ่าย 3 ก็มีคนมาฟังเรียกว่าไม่น้อยทีเดียวครับ

Photobucket
นี่ครับบู๊ธของโนเกียที่พารากอน จัดได้สวยดี จอและระบบเสียงดีมากๆ

Photobucket
นี่คือคนที่เข้ามาดูเครื่องตัวอย่างและรอฟังการ present

Photobucket
เปิดตัวด้วยวิดีโอแนะนำ เสียงกระหึ่มและตัววิดีโอดูดีมาก

Photobucket
น้องเนปจูน ออกมาทักทายก่อนส่งต่อให้วิทยากร

Photobucket
วิทยากรของงาน คุณเอ็ด ผู้เชียวชาญของโนเกีย ขอบอกว่าคนนี้เก่งจริงๆ

Photobucket
สาธิตการใช้กล้องและการเชื่อมต่อผ่าน HDMI

Photobucket
สุดยอดไฮไลต์ของงานคือการดูตัวอย่างหนังเรื่อง Tron ผ่าน HDMI

Photobucket
คนรุมถามเพิ่มเติมจากอาจารย์เอ็ดกันต่อ

Photobucket
น้องคนนี้เป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้โนเกีย รู้ละเอียดทุกรุ่น

จากที่ไปฟังมา งาน workshop พูดถึงหัวข้อต่อไปนี้ครับ
  • แนะนำส่วนประกอบของ N8
  • การจัดการกับ widget, shortcut ต่างๆ
  • การตั้ง wallpaper
  • การจัดการกับนาฬิกา, ปฏิทิน
  • การปิดเสียงสายเข้าโดยการคว่ำเครื่อง
  • การเล่นไฟล์เพลง
  • ระบบ multitasking
  • จุดแข็งและการใช้กล้อง อันนี้น่าสนใจเพราะ N8 มีชัตเตอร์จริงๆ, มีระบบจับใบหน้า, ใช้เลนส์คาร์ลไซส์, ความเร็วที่หยุดวัตถุเคลื่อนที่ได้, การเปลี่ยนโหมดความละเอียดโดยการ pinch to zoom
  • การถ่ายวิดีโอและการตัดต่อแบบสำเร็จรูปในเครื่อง
  • การต่อกับ USB driveได้ทันที
  • การเชื่อมกับอุปกรณ์ภายนอกผ่าน HDMI เช่น การดูหนังพร้อมระบบเสียง 5.1 อันนี้ผมประทับใจมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นการเล่นหนังผ่านมือถือเพราะมันละเอียดและลื่น เสียงคมชัดมากๆ
  • Ovi Store ที่สามารถโหลดแอพฯทั้งฟรีและเสียเงินได้ โดยราคาจะถูกกว่าประเทศอื่นๆ
  • การเล่นเกม โดย N8 มีหน่วยประมวลผลภาพต่างหาก รวมถึงรองรับ OpenGL
  • การใช้งาน social networks ต่างๆ
  • การใช้งานแผนที่และจุดแข็งที่สามารถใช้งานได้แม้ไม่ต่อเน็ตเพราะมีข้อมูลฝังบนตัวเครื่อง
เรียกว่าเป็นการฟัง workshop ที่ค่อนข้างครบถ้วนมากครับ แต่นี่เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับมือใหม่ เท่าที่ได้ยินมานี่โนเกียจะมี workshop ที่เจาะลึกในแต่ละหัวข้อโดยมีมืออาชีพมานำเสนอและสอนการใช้งานแบบละเอียดอีกทีครับ อันนี้คงต้องรอดูว่าแต่ละหัวข้อที่ว่านี่มีอะไรบ้าง ใครที่เป็นแฟน N8 ก็อย่าพลาดละกันนะครับ :)

Friday, November 5, 2010

การแก้ปัญหาแอพพลิเคชั่นแสดงผลไม่เต็มจอบน Galaxy Tab

วันนี้แวะมาเขียนสั้นๆสำหรับคนที่ใช้ Galaxy Tab แล้วรู้สึกรำคาญที่แอพฯบางตัวแสดงผลไม่เต็มจอ ล่าสุดมีคนแนะนำวิธีแก้มาแล้ว ซึ่งทำให้ง่ายมากๆเลยอยากเอามาแบ่งปันครับ ต้องขอขอบคุณคุณ @kiat ที่แนะนำบน Twitter พอผมลองก็ทำได้จริงและขั้นตอนไม่ยากเลย มือใหม่ก็ทำได้แน่นอนครับ

1. ติดตั้งแอพฯชื่อ Spare Parts จาก Android Market
2. เมื่อเรียบร้อยแล้วให้เรียกแอพฯนี้ขึ้นมา จากนั้นเลื่อนลงไปเรื่อยๆจนเจอ "Compatibility Mode" ซึ่งมันจะถูกเลือกไว้อยู่ ให้เอาเครื่องหมายถูกออก จากนั้นก็กดเลือกให้เครื่องหมายถูกขึ้นมาอีกครั้ง
3. Shut down เครื่องและเปิดเครื่องใหม่
4. กลับมาที่ Spare Parts อีกครั้งหลักจากเครื่องบู๊ตเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ให้เอาเครื่องหมายที่ "Compatibility Mode" ออก แล้ว show down อีกครั้ง
5. เมื่อเปิดเครื่องมาใหม่ คราวนี้ทุกแอพฯก็จะแสดงผลเต็มจอแล้วครับ

สำหรับคลิปต้นฉบับดูได้ที่นี่ครับ


Source: www.jkkmobile.com.

Sunday, October 31, 2010

Dell Streak มาถึงเมืองไทยแล้ว!

หลังจากที่ผมได้มีโอกาสสัมผัส Dell Streak ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็มีโอกาสได้แบ่งปันให้เพื่อนๆและคนรู้จักหลายๆคนได้ลองสัมผัส ปรากฏว่าเกิดอาการตกหลุมรักกันเป็นแถว และก็มีแต่คำถามว่าเมื่อไหร่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเสียที ในที่สุด Dell Streak ก็เปิดให้จองและใกล้จะถึงเวลาจัดส่งให้ลูกค้าแล้วครับ

ผมก็โชคดีอีกครั้งที่ทาง Dell ให้ความกรุณาส่งเครื่องมาให้ได้ลองรอบ 2 ซึ่งครั้งนี้แตกต่างนิดหน่อยครับ อันนี้ขออธิบายให้หลายๆคนได้เข้าใจ...

Dell มีแผนการพัฒนา Dell Streak โดยเริ่มจากการใช้ Android 1.6 เป็นหลัก ซึ่งหลังจากที่มีเวอร์ชั่น 2.1 ออกมาแล้ว ทาง Dell ก็ได้พัฒนาต่อให้ Streak สามารถอัพเกรดเป็น 2.1 ได้ แต่จะไม่มีการฝังเวอร์ชั่น 2.1 ลงไปในตัวเครื่องเมื่อออกมาจากโรงงาน ในทางกลับกัน Dell จะข้ามไปผลิต Streak ให้มี Android 2.2 ลงมาในเครื่องแทนเมื่อ 2.2 พร้อมแล้ว ดังนั้นเครื่องที่เข้ามาในไทยช่วงแรกๆนี้จะเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ 1.6 แต่ก่อนส่งมอบทางศูนย์จะทำการอัพเกรดเป็น 2.1 และลงภาษาไทยให้เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นเครื่องที่ลูกค้าซื้อจะเป็น 2.1 ทันทีในวันที่ได้รับ อันนี้ใครที่สับสนและเป็นกังวลก็สบายใจได้ครับว่าได้เวอร์ชั่นล่าสุดที่ Dell มีแน่นอน :)

แต่สำหรับเครื่องที่ผมได้มาลองใช้ตอนนี้ยังเป็น 1.6 ที่มาจากโรงงาน โดยยังไม่ได้ขอให้ทางศูนย์อัพเกรดเป็น 2.1 ให้ ดังนั้นมันคงจะมีหลายๆอย่างที่แตกต่างไปจากสิ่งที่คุณผู้อ่านจะได้สัมผัสกันจริงๆวันที่รับเครื่อง แต่แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างนี้ย่อมจะดีกว่าที่ผมถืออยู่ในมือนี้แน่นอนครับ

ส่วนวันนี้ผมจะเอาตัวที่จะวางจำหน่ายจริงในแบบที่ไม่มีการดัดแปลงใดๆเลยมาให้ดูกันครับ

Photobucket
เริ่มกันตั้งแต่ตัวกล่องเลย กระทัดรัดดี เปิดฝากล่องมาปุ๊บเจอ Streak นอนรออยู่เลย

Photobucket
พอเปิดเครื่องก็เจอโลโก้ Dell โดดเด่น

Photobucket
หน้าจอ Lock Screen ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนที่ผมลงเอง ดูดีกว่าเยอะครับ

Photobucket
นี่ครับ ที่บอกตอนต้นว่ายังไม่ได้ให้ศูนย์อัพเกรดให้ เลยยังเป็น 1.6

Photobucket
เรียกเมนูขึ้นมาก็จะมีไอคอนต่างๆเต็มไปหมด

Photobucket
ดูขนาดเทียบกับมือผม

Photobucket
พอปลดล็อคเข้ามาก็เจอหน้าหลัก มีไอคอนวางอยู่นิดหน่อย ซึ่งเราสามารถเพิ่มไอคอน ย้ายตำแหน่งได้ตามต้องการ

Photobucket
การตั้งค่าต่างๆถูกดึงมาวางไว้บนแถบเมนูบางส่วน ทำให้กดเข้าไปปรับค่าได้สะดวกมาก เช่น การเปิด-ปิด Wi-Fi

Photobucket
เราสามารถเพิ่มหรือลดหน้าหลักได้ด้วย

Photobucket
ผมทดลองกับการอ่านภาษาไทยก่อนเลย ซึ่งปรากฏว่าตัวเครื่องรองรับอยู่แล้ว อ่านได้ไม่มีปัญหาใดๆเลย

Photobucket
ผมก็ลองเปิดแอพพลิเคชั่นโน่นนี่ แล้วก็พบว่าบางตัวหน้าตาแตกต่างจากครั้งก่อนที่ผมลงเอง อย่างเช่นส่วนของการโทร

Photobucket
ส่วนที่ผมชอบมากๆก็คือคีย์บอร์ดที่มากับเครื่อง หน้าตาเหมือนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ มีตัวเลขอยู่ด้านขวา คุ้นมือมากๆและไม่ต้องสลับรูปแบบไปมาให้เสียเวลาเลย

Photobucket
พอหมุนตัวเครื่องเพื่อใช้แนวตั้งก็สะดวกเหมือนกัน

Photobucket
อันนี้ลองใช้กล้องที่มากับเครื่องถ่ายรูปดู ภาพคุณภาพค่อนข้างดีทีเดียวครับ

สำหรับใครที่อยากอ่านการใช้งาน Dell ผมขอแนะนำให้อ่านบล็อกก่อนหน้านี้ของผมที่ http://chyutien.blogspot.com/2010/10/dell-sterak.html ครับ น่าจะละเอียดและครบถ้วนตามมุมมองของผู้ใช้งานทั่วไปครับ

ผมมองว่า Dell Streak เป็น tablet บวกกับโทรศัพท์ที่มีดีไซน์ที่โดดเด่นมากๆ คนที่ได้สัมผัสและลองเล่นจะรู้สึกชอบทันที และด้วยขนาดและความบางทำให้การพกพาสะดวกมาก น่าจะตอบโจทย์ของคนที่ต้องการอะไรที่มากกว่าโทรศัพท์แต่ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปได้เป็นอย่างดี

เดี๋ยวครั้งหน้าถ้าผมได้อัพเกรดเป็น 2.1 แล้วจะเอามาให้ดูกันอีกทีนะครับ :)

Friday, October 1, 2010

Dell Streak ความปราณีตที่ลงตัว

ต้องขอออกตัวว่าการได้ Dell Streak มาเล่นเป็นอะไรที่ออกจะเหนือความคาดหมายพอสมควรครับ เหตุเกิดจากการที่พี่ต่าย ศรีสุดาจาก MCOT ได้ช่วยแนะนำให้รู้จักกับคุณอโณทัยจากทาง Dell และด้วยความกรุณาผมเลยได้มีโอกาสสัมผัสกับ Android tablet ตัวนี้และตกหลุมรักมันทันที :)

เอาละครับ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามันเจ๋งยังไง

เริ่มจากตัวเครื่องกันก่อนเลยครับ ความรู้สึกแรกที่เห็นคือ Dell Streak ทำให้ผมรำลึกถึง PSP ทันที วัสดุ, การประกอบและการออกแบบตัวเครื่องทำมาดีมากๆ ขนาดตัวเครื่องบาง เบา และด้วยความที่ด้านหน้าเป็นสีดำมันทำให้มันดูเนียบและน่าหยิบมาเล่นทันทีที่เห็นครับ

Photobucket
ด้านหลังมีโลโก้ Dell และฝาหลังสไลด์เปิดได้

Photobucket
กล้อง 5.0 MP พร้อม Auto Focus

Photobucket
เปิดฝามาก็จะเจอที่ใส่ SIM และ Micro SD card

Photobucket
ด้านหน้ามันเงา มี 3 ปุ่มสัมผัสด้านขวา

Photobucket
ให้เห็นปุ่มกันชัดๆ

Photobucket
อีกด้านเป็นลำโพงและกล้องด้านหน้า

Photobucket
ด้านบนจะมีช่องสำหรับเสียบหูฟัง, ปุ่มปรับเสียง, ปุ่มเปิด-ปิดหน้าจอ และปุ่มสำหรับถ่ายรูป

Photobucket
ดูความบางเมื่อวางบนพื้นเทียบกับ laptop

Photobucket
เมื่อบู๊ตเครื่องแล้วก็จะเจอหน้า Lock Screen

Photobucket
เมื่อปลดล็อคก็จะเจอหน้า Home Screen

Photobucket
หากกดที่ปุ่มเมนูด้านซ้ายบนก็จะมีแถบไอคอนทั้งหมดปรากฏออกมา

แต่พอดีว่าเครื่องที่ผมได้มาเป็นเครื่องตัวอย่างที่มาพร้อมกับ Android 1.6 ดังนั้นผมจึงต้องลงมืออัพเดทเป็น Android 2.1 (Eclair) ซึ่งอาจจะไม่เหมือนตัวที่วางจำหน่ายจริงครับ คราวนี้เราลองมาดูในตัวเครื่องและการใช้งานกันครับ

Photobucket
หน้าตา Lock Screen ใหม่ก่อนเริ่มใช้งาน

Photobucket
พอปลดล็อคแล้วก็จะได้หน้าหลักที่มีไอคอนต่างๆวางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ

Photobucket
พอเรียกเมนูจากด้านซ้ายบนก็จะเจอไอคอนทั้งหมด

Photobucket
พอเลื่อนมากดแถบตรงกลางก็จะเป็น Notification Messages สำหรับแจ้งสถานะต่างๆ

Photobucket
และถ้าเลื่อนมาด้านขวาสุดก็จะเป็นส่วนการจัดการกับการเชื่อมต่อ

Photobucket
หากกดปุ่มสัมผัส Menu ก็จะสามารถดูส่วนของการ Settings ได้

Photobucket
นี่คือข้อมูลเครื่องครับ จะเห็นว่าเป็น 2.1 แล้ว

Photobucket
เมื่อเริ่มมาดูที่การใช้งาน หากกดที่ไอคอน Phone ก็จะมีแถบสำหรับการโทรปรากฏขึ้นมา

Photobucket
หากหมุนตัวเครื่องก็จะได้การใช้งานแนวตั้ง

Photobucket
หน้าตาระหว่างการโทร

ผมได้ทดลองโทรแล้วก็พบว่าจริงๆมันสามารถใช้ตัวเครื่องแนบหน้าและโทรได้ แต่มันอาจจะดูเทอะทะไปสักนิดสำหรับคนตัวเล็กๆ (หน้าเล็กๆ) ดังนั้นการใช้หูฟัง bluetooth น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าครับ

Photobucket
พอทดลองใช้ Browser ก็เล่นเน็ตได้ไม่มีปัญหา ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าโทรศัพท์ทำให้เห็นรายละเอียดง่ายขึ้น

Photobucket
ส่วนที่ผมชอบก็คือ Google Maps ที่ใช้งานได้ลื่นและเห็นรายละเอียดต่างๆถนัดตา

Photobucket
ถ้าติดตั้งแอพพลิเคชั่นสำหรับการบันทึก ก็จะช่วยให้การจดข้อความสะดวกมาก โดยเฉพาะการอ่าน

Photobucket
สำหรับคนที่ชอบเล่น Twitter แบบผมก็พิมพ์กันมันเลยครับ เพราะการอ่าน Timeline จะสนุกมากเพราะหน้าจอช่วยให้เห็นข้อความเยอะกว่าการเล่นบนมือถือพอสมควร

Photobucket
หรือจะเป็นขา Facebook ก็น่าจะชอบครับ เพราะมันเต็มอรรถรสกว่าการเล่นบนมือถือจริงๆ

Photobucket
เวลาจะพิมพ์ก็ลงมือได้สะดวกซึ่งผมแนะนำให้พิมพ์แนวตั้งจะถนัดกว่าครับ

Photobucket
ขา youtube ก็สามารถนั่งดูคลิปได้เรื่อยๆ

Photobucket
หากใครกลัวตกกระแส E-Book ก็สบายใจได้ เพราะ Streak + Android ก็ทำให้อ่าน E-Book ได้สบายๆ

Photobucket
จากที่ผมได้ลองนั่งอ่าน 15 นาที ผมก็รู้สึกเพลินและไม่มีอาการปวดตาใดๆเลย นอกจากนั้นเนื่องจากตัวเครื่องค่อนข้างเล็กและบาง ทำให้ถือสะดวกและไม่หนัก

Photobucket
ใครกำลังอินกับ Angry Bird ก็ฮาได้เต็มที่ครับ

Photobucket
ส่วนของ Gallery

Photobucket
ส่วนของปฏิทินที่เชื่อมกับ Google Calendar

Photobucket
ส่วนของ Music ผมลองเปิดผ่านลำโพงแล้วเสียงชัดใสดีครับ

จะเห็นว่าการใช้งานพื้นฐานของ Android 2.1 บน Dell Streak ทำงานได้เป็นที่น่าพอใจมาก ด้วยความที่ตัวเครื่องบาง เบาและดีไซน์สวยทำให้การเล่นเพลิดเพลินมาก ตัวแบตเตอรี่ขนาด 1,530 mAh ที่แม้จะฟังดูเหมือนไม่มากเท่าไหร่ แต่พอลองใช้แล้วก็อึดกว่าที่คิดครับ คราวนี้ผมลองเอาออกมาใช้นอกบ้านดูบ้าง

Photobucket
ความที่ถือถนัดมือและตัวเครื่องสวย การหยิบออกมาในที่สาธารณะทำให้รู้สึกหล่อขึ้น 15%

Photobucket
พอทดลองโทรจริงก็ยังรู้สึกว่าการแนบกับหน้าไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก มันยังใหญ่ไปจริงๆ ต้องหา bluetooth มาใช้

Photobucket
Photobucket
แต่การเล่น Facebook, Twitter นี่โดนใจมากๆครับ อ่านได้จุใจและพิมพ์ได้ถนัดมาก

Photobucket
พอจำเป็นจะต้องจดบันทึกอะไรสั้นๆก็ทำได้สะดวกดี

Photobucket
นี่ครับ เล่น Angry Bird โชว์ซะเลย :)

Photobucket
เวลาดูรูป อยากซูมเข้า-ออกก็ทำได้สบายๆ

สรุปแล้วจากการทดลองใช้งานมาได้ร่วมๆ 5 วัน ผมประทับใจเจ้า Dell Streak ตัวนี้มากเพราะการดีไซน์ตัวเครื่องที่บาง เบาและสวย รวมถึง user interface ที่ดูเรียบแต่ไม่น่าเบื่อทำให้ได้ทั้งความสนุกและความสะดวกสำหรับการใช้เป็นผู้ช่วยส่วนตัว สำหรับการใช้งานทางด้านความบันเทิง โดยเฉพาะคนที่ชอบเล่น social networks ต่างๆน่าจะประทับใจเช่นกันเพราะขนาดกำลังเหมาะมือ

สิ่งที่ผมยังรู้สึกติดนิดๆคือขนาด 5" ที่สำหรับผมเองผมรู้สึกว่ามันอาจจะยังเล็กไปนิดสำหรับการใช้งานพวก E-mail ซึ่งผมชอบที่จะอ่านแบบเต็มๆตา นอกเหนือจากนี้ผมว่าผมพอใจกับ Deall Streak มาก

ข่าวที่ได้รับมาก็คือน่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนตุลาคมนี้ครับ ใครที่สนใจก็รออีกหน่อยละกันนะครับ :)