Friday, December 21, 2007

หิ่งห้อยของผม

และแล้วคนเราก็อยูใน"ความฝัน"ตลอดไปไม่ได้... ไม่ช้าก็เร็ว เราก็ต้องตื่นขึ้นมาแล้วก็พบว่า"ความจริง"นั่งรอเสิร์ฟอาหารเช้าให้เราอยู่ ต่อให้เสียดาย"ความฝัน"ยังไง เราก็ต้องก้มหน้าก้มตาสู้กับมันต่อไป

วันนี้เป็นวันที่ถึงอีกจุดเปลี่ยนหนึ่ง จริงๆมันไม่ควรจะมีวันนี้เลยถ้าผมไม่เริ่มฝังตัวเองกับความฝันตั้งแต่วันแรก ผมหลอกตัวเองตลอดมาว่า"มันต้องเป็นไปได้ มันต้องทำได้" ผมหลงดีใจกับพันธนาการที่ผมวาดขึ้นมาเอง พยายามหลีกเลี่ยงความเป็นจริงๆต่างๆนานา ผมบอกกับตัวเองว่า คนอื่นเค้ามองไม่เห็นสิ่งที่ผมเห็น เค้าคงไม่เข้าใจ แล้วสุดท้ายเมื่อถึงเวลา ผมก็ต้องยอมรับว่ามันไม่มีอยู่จริงหรอกที่อะไรสักอย่างหรือใครสักคนจะเป็นได้อย่างที่เราต้องการทั้งหมด ต่อให้คนเรารักกันแค่ไหน แต่ละคนก็มีที่มาและที่ไปของตัวเอง จะจับหิ่งห้อยมาอยู่ในกล่องให้มันฉายแสงให้เราดูตลอดเวลา สุดท้ายมันก็ตาย

วันนี้ผมปล่อยให้หิ่งห้อยได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างที่มันต้องการ ได้กลับไปสู่บ้านที่มันจากมา ได้กลับไปสว่างเจิดจ้าอีกครั้ง ผมโยนกล่องนั้นทิ้งไป แล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะได้ออกไปเปิดตาเปิดใจมองสิ่งสวยงามในโลกนี้อีกครั้ง มีอะไรอีกเยอะแยะรอผมอยู่

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ ทุกสิ่งสวยงามอย่างที่มันเป็นอยู่ ยิ่งเราพยายามเปลี่ยนมันเท่าไหร่ ความเป็นตัวตนที่แท้จริงมันก็จะหายไป แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร...

ขอให้ฝูงหิ่งห้อยจงสวยงามอย่างที่มันเคยเป็นอีกครั้ง

Wednesday, December 19, 2007

เจ้าสัวธนินทร์เห่งอาณาจักร CP

หลายปีก่อนผมมีโอกาสได้อ่านเจอว่าคุณธนินทร์ เจ้าสัวผู้ก่อตั้งอาณาจักร CP มี vision ที่ไกลกว่าคนทั่วไปอยู่หลายเท่าตัว บางคนพยายามตีออกมาเป็นตัวเลขว่าน่าจะเกิน 20 ปีล่วงหน้า ผมเคยสงสัยว่าคนๆหนึ่งจะมองเห็นอนาคตอะไรได้ไกลขนาดนั้น ผมเลยมีความตั้งใจกึ่งๆความฝันว่า ถ้าวันหนึ่งผมเจอคุณธนินทร์ ผมจะถามเค้าว่า เค้ามองเห็นอะไรในอนาคตต่อจากนี้ไป และแล้ววันนั้นก็มาถึงเร็วกว่าที่ผมคิด เมื่ออยู่ดีๆ ผมก็ได้มีโอกาสเข้าพบคุณธนินทร์แบบค่อนข้างเป็นส่วนตัวกับเพื่อนๆน้องๆ MIM อีกร่วมสิบชีวิต งานนี้ต้องขอบคุณคุณณรงค์ที่เป็นลูกชายคุณธนินทร์ เพราะหลังจากที่เค้ามาเป็น guest speaker ที่ MIM แล้วเกิดความประทับใจ เค้าก็กลับไปบอก"ท่านประธาน"ว่าอยากให้พบกับนักศึกษาและอาจารย์จากที่นี่ ทุกอย่างถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณณรงค์และทีมงานติดต่อให้อย่างรวดเร็วและเอาใจใสมากๆ จนวันที่ทาง MIM โทรมาแจ้งว่าผมจะมีโอกาสได้พบกับ"ท่านประธาน" ผมยังแอบอึ้ง เพราะผมเคยขออาจารย์แอ๋ว Director ของ MIM ไว้ว่าถ้ามีโอกาสได้พบท่าน ผมขอไปด้วย แต่ไม่เคยนึกว่าจะเร็วขนาดนี้

ผมไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมตัวยังไงเพื่อเข้าพบคุณธนินทร์ เลยพกมาแต่คำถามคาใจคำถามเดียว แล้วก็กะว่าจะไปเรียนรู้จากท่านเป็นหลัก แล้วผมก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าคนที่เป็นใหญ่เป็นโต ผ่านร้อนหนาวมาเยอะมากๆ ประสบการณ์เกินกว่าใครแบบนี้จะให้เกียรตืกับคนธรรมดาๆอย่างพวกเรามากๆ ระหว่างที่พูดคุยกับท่านนั้น มีหลายอย่างที่ผมได้เรียนรู้ที่จะมองแบบใหม่ ได้เห็นมุมมองที่เฉียบขาดและการให้เกียรติคนที่ท่านกำลังสนทนาอยู่ด้วย ท่านไม่เคยขัดการสนทนาใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว ท่านฟังอย่างตั้งใจจนจบ แล้วค่อยให้คำแนะนำ ผมมีโอกาสพบกับ CEO หรือผู้บริหารรุ่นใหม่ๆก่อนหน้านี้หลายท่าน ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จแค่ระดับหนึ่งแต่ความมั่นใจหรือ ego เค้านำหน้าไปสองศตวรรษได้ ไม่ให้เกียรติคนฟัง พูดจาดูถูกและไม่มีความสุภาพ ผมอยากให้คนเหล่านี้ได้มาพบท่านสักครั้งเผื่อเค้าจะรู้ตัวว่าการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จนั้นก็สามารถเป็นคนที่มีมารยาทที่ดีไปพร้อมๆกันได้เหมือนกัน

ก่อนจะจบบทสนทนา ใจนึงก็เกรงใจแต่อีกใจก็รู้ว่าถ้าผมไม่ถามตอนนี้ ผมก็ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่กว่าผมจะได้พบกับท่านอีก ผมจึงถามคำถามที่ผมเตรียมมา และท่านก็ตอบอย่างตั้งใจและเป็นกันเอง ภายหลังผมดีใจมากที่คุณเนาวรัตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารได้เดินมาบอกกับผมว่า ผมถามคำถามที่ถือว่าเป็น excellent question และทุกครั้งที่คุณเนาวรัตน์ได้พบท่านประธาน ก็จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆตลอดเวลาเหมือนกัน ผมประทับใจกับการไปครั้งนี้มาก ภาพของ CP เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว แต่ความประทับใจยังไม่จบ...

เย็นวันเดียวกัน ผมมีโอกาสได้พบกับ Director ของ MIM อีกครั้ง ผมจึงได้รู้ว่ามีอะไรที่ดีกว่านั้นเกิดขึ้นหลังจากการพบท่านประธาน อาจารย์แอ๋วได้มีโอกาสคุยกับคุณเนาวรัตน์ต่อและคุณเนาวรัตน์เองก็บอกกับทางอาจารย์แอ๋วว่าต้องการคนไปช่วยงานในธุรกิจที่จีน อยากให้อาจารย์แนะนำนักศึกษาที่มีความสามารถให้ แล้วคุณเนาวรัตน์ก็พูดถึงชื่อผมขึ้นมาแล้วถามอาจารย์แอ๋วว่าเป็นอย่างไร อาจารย์แอ๋วเองก็เลยแจงสรรพคุณของผมไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะแจ้งว่าผมกำลังอยู่ระหว่างการสัมภาษณ์ที่ Google อยู่ คุณเนาวรัตน์จึงบอกว่าเอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ที่ Google แล้วก็ให้ผมติดต่อไปดูละกัน โอ้.. ฟังแล้วแทบจะลอย... ไม่นึกว่าจะมีบุญพอที่จะเข้าตากรรมการ ถึงตอนนี้ ผมยังไม่รู้ว่าปีหน้าชีวิตการทำงานผมจะลงเอยอย่างไร... แต่คงจะมีอะไรดีๆรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน ... พลังลุกโชนแล้ว!!

สู้โว้ยยย...!!!

Sunday, November 11, 2007

ไปร์ท&น้อง...วันนี้ที่รอคอย

หลังจากที่ครั้งที่แล้วได้กลับมาเขียน blog อีกครั้ง ก็มีเสียงตอบรับที่ดีจากเพื่อนฝูง แสดงว่าในโลกนี้ยังมีคนเสียสละเวลามาอ่านสิ่งที่ผมเขียนอยู่ เย้ๆ ดีใจ...

วันนี้แล้วครับพี่น้อง... วันนี้เพื่อนผมสองคนจะประกาศให้ทั้งโลกรู้อย่างเป็นทางการว่าความรักของทั้งคู่สุกงอมและถึงเวลาที่ชีวิตเดี่ยวสองชีวิตกำลังจะเปลี่ยนเส้นทางมาใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ผมเองตื่นเต้นไม่น้อยเพราะดันเป็นเพื่อนของทั้งเจ้าบ่าวแลเจ้าสาว หากมองกลับไปแล้ว จริงๆผมและอีกกว่า 80 ชีวิตก็มีโอกาสได้เป็นพยานรักของทั้งคู่มาตั้งแต่เริ่มต้นนับหนึ่งเลยทีเดียว วันนี้อยากจะให้เกียรติกับเพื่อนผมสองคน ผมขอยก blog อันนี้ให้กับคู่บ่าวสาว... ไปร์ท และ น้อง...

ไปร์ท: หากบอกจริงๆแล้ว จุดเริ่มต้นรู้จักกับไปร์ทเกิดจากการที่บังเอิญพวกเรามันเด็กกิจกรรม อยู่นิ่งไม่ได้ อยากทำโน่นอยากทำนี่ มีเวลาว่างแล้วจะเครียด ต้องเอาพลังงานมาลงกับกิจกรรม พอเข้า MIM มาจริงๆช่วงแรกเราก็ไม่ได้สนิทกันมาก แต่เพราะสังคมขวดกลม-แบน (อันหลังนี้ตั้งแต่รู้จักกันมาเคยกินด้วยกันครั้งเดียว) ทำให้ผมสนิทกับเจ้าบ่าวมากขึ้น และประกอบกับว่าไปร์ทเป็นคนที่มีพลังงานในตัวสูงมาก ขอให้ช่วยอะไรไปร์ทจัดให้เสร็จสรรพทุกงาน แล้วด้วยความที่ผมเป็นประธานรุ่นที่ไม่ค่อยได้เรื่อง ผมเลยมีโอกาสไหว้วานให้ไปร์ทช่วยอะไรเยอะมาก ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ ไปร์ททุ่มเททำให้ครบถ้วน... ไปร์ทเป็นคนแรกๆที่ผมจะนึกถึงตลอดหากมีอะไรที่ผมต้องการความช่วยเหลือแล้วรู้ว่าไว้ใจได้ โดยเฉพาะช่วงหลังๆที่ผมไปอยู่ในโรงงานกุ้งนรก (อย่างที่เจนบอกใน blog ที่แล้ว) ผมแทบไม่ได้รับผิดชอบกิจกรรมในรุ่นเลย ก็ได้ไปร์ทนี่แหละครับที่เป็นคนดูแลทุกอย่างให้ ไม่งั้นคงลำบากมากๆ

น้อง: ผมกับน้องเองไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น อันที่จริงด้วยความบังเอิญอีกนั่นแหละ ผมมีโอกาสได้เจอกับน้องโดยไม่รู้ตัวก่อนที่ผมจะเข้า MIM ด้วยซ้ำ อันนี้เกิดจากความโลกกลม น้องรู้จักกับพี่วาว ซึ่งเป็นพี่ที่ทำงานเก่าของผม แล้ววันงานแต่งงานพี่วาว ทั้งผมและน้องก็ไปร่วมงาน มารู้ทีหลังก็ตอนที่พี่วาวบอกว่าน้องก็เข้าเรียน MIM ผมเลยไปไล่ดูรูปงานแต่งงานพี่วาวแล้วก็พบว่ามีน้องจริงๆด้วย โอ้ว... โลกกลมจริงๆ พอเข้ามา ด้วยความที่น้องเองเป็นคนเรียบร้อย ตั้งใจเรียน ฉลาด... ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตรงข้ามกับผมหมดเลย เราจึงไม่ได้สนิทกันมากแต่ผมก็รู้ได้ว่าน้องเป็นคนที่มีความจริงใจสูง เอาใจใส่และฉลาดแถมอัธยาศัยดีด้วย (เจน อัญ...มีคู่แข่งใหม่แล้ว) ตอนแรกที่รู้ว่าไปร์ทชอบน้องก็ไม่ได้แปลกใจมาก คุณสมบัติแบบนี้ไม่ไห้หากันง่ายๆในโลกปัจจุบัน

หลังจากที่รู้ว่าไปร์ทชอบน้องแล้ว ผมและเพื่อนๆซึ่งมีความสอดรู้สอดเห็นอยู่ในระดับ AAA ตามมาตรฐานของ S&P เนี่ย ก็ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง จนวันนึงเราไปเที่ยวกัน ก็เห็นทั้งคุ่จับมือกันครั้งแรก วันนั้นเราเลยถือว่าเป็นวันเปิดตัว หลังจากนั้นมาทั้งคู่ก็ตัวติดกันตลอด เห็นน้องที่ไหนเห็นไปร์ทที่นั่น

ดอกรักน้อยๆก็ค่อยๆเติบใหญ่ตามกาลเวลา หลายๆครั้งอาจจะมีแรงลมพัดโบกทำให้ดอกน้อยๆต้องต่อสู้กับกระแสลมบ้าง แต่สุดท้าย ด้วยรากที่แข็งแรงมันก็อยู่รอดและไม่มีอะไรมาสั่นคลอนมันได้อีก ... วันนี้ดอกรักดอกนั้นเติบโตได้ที่แล้ว คนสองคนกำลังจะจูงมือกันเข้างานวิวาห์ ผมเองดีใจแทนเพื่อนจริงๆ ทุกอย่างเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผ่านไปแว่บเดียว ครอบครัวใหม่กำลังจะเกิดขึนในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้ว

ผมคงไม่มีอะไรจะเขียนมากไปกว่านี้ แค่อยากจะบอกเพื่อนว่าดีใจด้วยจริงๆ และขออวยพรให้ทั้งคู่รักกันไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ขอให้ดูแลกันด้วยความเช้าใจและเอาใจใส่กันเหมือนที่ผ่านๆมา แล้วผมเองจะรอดูหลานเร็วๆนี้ ยินดีด้วยนะเพื่อน

Friday, November 2, 2007

ชีวิตหลัง MIM

สวัสดีครับผู้อ่าน

ผมไม่รู้ผมทักใครบ้างเพราะผมไม่รู้ว่าใครยังอ่าน blog ผมอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณกำลังอ่านอยู่ และยังจะอ่านต่อไป ผมก็หมายถึงคุณแหละครับ... วันนี้ไม่ได้มีประเด็นอะไรจะมาเขียน แค่รู้สึกว่าพอกลับมาอ่านที่เคยเขียนไว้แล้วก็พบว่า ชีวิตผมเปลี่ยนไป ตัวผมเปลี่ยนไป มุมมองเปลี่ยนไป การใช้ชีวิตเปลี้่ยนไป ความชอบเปลี่ยนไป สิ่งแวดเล้อมเปลี่ยนไป อะไรๆ...เปลี่ยนไป

ตั้งแต่จบ MIM มานี่ก็มีอะไรเปลี่ยนไปอีกหลายอย่างเหมือนกัน เจอเพื่อนน้อยลง ทำงานได้ดึกขึ้น ได้กลับมาอ่านหนังสือที่อยากอ่านอีกครั้ง ได้มีเวลามานั่งดูข่าวทางทีวี ได้โหลด series มาดู ทำงานไม่ค่อยเบลอแล้ว แต่ก็ยังวนเวียนๆอยู่แถวๆ MIM อยู่ดี วันนี้อยากจะลองมาเขียนดูว่า ช่วงที่เรียน MIM ผมได้อะไรบ้าง ลองดูนะครับ
  1. ได้เพื่อนใหม่เป็นร้อย ทั้งในรุ่น นอกรุ่น ในโครงการ นอกโครงการ ในมหาลัย นอกมหาลัย... คนเรามีหลากหลาย ต้องใช้เวลาเรียนรู้
  2. ได้เป็นประธานรุ่น เพื่อนๆส่วนใหญ่ยังไม่แน่ใจว่าทำไมผมได้ ผมเองก็งงไม่น้อยไปกว่ากัน ผมได้ทำทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เหลวไหล ขออโหสิกรรมด้วยครับถ้าทำอะไรให้ใครโกรธ
  3. ได้บริโภคสิ่งมึนเมาขนาดที่น่าจะเทียบเท่ากับกำลังการผลิตของตำบลเล็กๆในร้อยเอ็ดตำบลหนึ่ง
    น้ำหนักขึ้น 5 กก. เอวขึ้น 3 นิ้ว หน้าผากสูงขึ้น 0.5 ซม. IQ เพิ่มขึ้น 5 (อันหลังไม่ได้มาพร้อมกับอันอื่นๆ)
  4. ได้แฟนมาหนึ่งคน
  5. ได้รับรู้ว่า บางครั้งข้อมูลหลายๆอย่างต้องขวนขวายเพื่อให้ได้รู้ อีกหลายๆครั้งมันมาเอง บางเรื่องอยากรู้ บางเรื่องไม่อยาก บางเรื่องรู้แล้วเป็นสุข บางเรื่องรู้แล้วเป็นทุกข์ เลี่ยงได้บ้างไม่ได้บ้าง
    อัสนีย์-วสันต์ (หรือเปล่า) บอกว่า "ได้อย่าง-เสียอย่าง" MIM สอนผมได้ดีกว่าสองคนนั้น
  6. คนเรา...ภายนอกกับภายในมันอยู่ติดกัน แต่มันแยกกันอยู่ บางคนภายนอกดี ภายในแย่ บางคนภายนอกแย่ ภายในลูกเทวดา
  7. การประจบประแจงยังเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทย ใครทำไม่ได้ก็ลำบากหน่อย ใครทำได้ก็โตวันโตคืน เป็นที่พูดถึง
  8. บางคนเรียนเพื่อเอาคุณประโยชน์จากมัน บางคนเรียนเพื่อเอาภาพลักษณ์ที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนช่วยสร้าง แค่กะว่า "กูเก่ง กูจบที่นี่มานะ" แต่จริงๆแม่ง... (ขอโทษผู้อ่านด้วยครับที่ไม่สุภาพ)
  9. เพื่อนที่ชื่อ "โอ๋" มันดูห้าว แกร่ง มั่นใจ ไม่กลัวใคร จริงๆมันนิสัยหญิงมากๆ ความจริงใจของมันไม่เป็นรองใคร ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนนะ แปซิฟุค ซีฟี้ด
  10. เพื่อนที่ชื่อ "โอ๊ค" มันเครียด ขยัน มีความรับผิดชอบ มันเป็นคนที่พาทีมเราไประดับโลกได้ ผมดันเป็นคนไม่ค่อยเอาถ่าน ขอบใจว่ะเพื่อน
  11. เพื่อนที่ชื่อ "เจน" เป็นคนที่ผมชื่นชมมาก เก่ง ฉลาด อารมณ์ดี รักแฟน ขยัน ... เอ๊ะ นี่มันคุณสมบัตินางสาวไทยนี่
  12. เพื่อนที่ชื่อ "อัญ" เป็นหญิงเก่ง ความตั้งใจสูง มั่นใจ สวย นิสัยดี คุยด้วยแล้วสนุก ... ไปแข่งกับเจนเลยป่ะ แข่งกันสองคนเลยนะ งานนี้ไม่มีผู้ตกรอบ มีแต่ชนะกับรองชนะ
  13. เพื่อนที่ชื่อ "ต่อ" มีอะไรให้เขียนเยอะว่ะคนนี้ เพื่อนรักมาก ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ หัวเราะ น้ำตา มาหมดละ มึงจะเป็นไง ยังไงมึงก็เพื่อนกู ... อ้อ... ต่อมันเป็นผู้หญิงครับ เดี๋ยวผู้อ่านนึกว่าผมแสดงหนังเรื่อง "เพื่อน... กูรักมึงว่ะ"
  14. เพื่อนที่ชื่อ "พี่ปอย" นี่ก็ผ่านสมรภูมิดึ๊งดึงมาด้วยกันไม่น้อย เห็นเมาจนคลานมาแล้ว ใครอยากได้คำแนะนำเรื่องอาหารถามเจ๊แกได้
  15. เพื่อนที่ชื่อ "มาย" ก่อนหน้านี้ตอนมายโสด เราสนิทกันมาก แอบเผลอใจให้เล็กน้อย ตอนนี้มายมีแฟนไปแล้ว เจอกันครั้งหน้าคงตอนพี่ปอยคลอดลูก ... อ้าว ไม่คลอดเหรอ แล้วไอ้ที่อุ้มท้องนั่นอะไรวะ
  16. เพื่อนที่ชื่อ "ไปร์ท" นี่ก็เพื่อนที่ผมไว้ใจมากสุดอีกคน ตอนไหนต้องขอความช่วยเหลืออะไร ไปร์ทมักจะเป็นคนแรกที่นึกถึง ความรับผิดชอบยอดเยี่ยม ดีใจด้วยเพื่อน เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว
  17. เพื่อนที่ชื่อ "ไอซ์" ไอ้นี่โคตรไฮเปอร์ พลังงานมันเยอะมาก ความคิดสร้างสรรค์มันเหลือเฟือ ใจดี อารมณ์ดี ... ขอตั๋วหนังหน่อยดิ ฮ่าๆๆ ตลกๆแต่เอาจริงนะ
  18. เพื่อนที่ชื่อ "ดิ๊บ" โคตรเก่ง กินเหล้าข้ามคืนประจำ อัจฉริยะข้ามคืนตัวจริง มีโรงงานนิวเคลียร์ในตัวมั้ง พลังงานเยอะจริงๆ ถ้าลดๆพลังงานมาหน่อยมันจะเข้าใกล้ความเป็นคนมากขึ้น เกือบละเพื่อน...

ขอโทษเพื่อนๆที่เหลือก่อนนะครับ วันนี้หมดเวลาเขียนละ เอาไปแค่นี้ก่อน เดี๋ยวมาอัพเดทใหม่ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านครับ พบกันครั้งหน้า.......... ไม่รู้เมื่อไหร่

Wednesday, October 10, 2007

ประสบการณ์ใหม่ Google and me

ไม่ได้เขียน blog มานานมาก ล่าสุดน่าจะตอนที่พี่บิ๊กบังยึดอำนาจจากพี่เจ้าของเรือใบสีฟ้า ตอนนี้พี่บิ๊กบังกระโดดมาใส่สูทเป็นรองนายกไปซะละ... อืม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่จะเขียนเลย

วันนี้มีความภาคภูมิใจจะมาเล่าสู่กันฟังครับ ใช่แล้ว.. หลายๆคนที่สนิทๆกับผมจะรู้อยู่แล้วว่าผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่อีกครั้ง และผมภูมิใจไม่น้อยเลย แม้หนทางจะยังอีกยาวไกล แต่เพื่อนๆหลายคนบอกว่า "แค่ได้สัมภาษณ์มึงก็ภูมิใจได้แล้ว" ผมก็เลยเชื่อเพื่อน...

วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่า เรียกว่าแหกตาตื่นกันทีเดียวเพราะเมื่อคืนก็นอนดึก (ไปดื่มไวน์กับอาจารย์ใจดีมา) เพราะเช้านี้มีนัดสัมภาษณ์ตอน 7:00 โมงกับคนจาก Google ที่ Headquarter ที่ Mountain View แล้วอีกคนก็จาก Google Singapore ที่บังเอิญเป็นคนไทยเหมือนกัน (เข้าใจว่าจบจากธรรมศาสตร์ด้วย) ผมไม่รู้ว่าเค้าจะสัมภาษณ์อะไรผม ก็เลยไม่ได้เตรียมตัวมาก แค่นั่งอ่านความรู้พื้นๆเกี่ยวกับบริษัทไว้นิดหน่อย แล้วก็เดี๋ยวไปวัดดวงกัน พอโทรมาปุ๊บจากที่นั่งงัวเงียอยู่ ก็ถึงกับเกิดอาการคายน้ำทางผิวหนังทันที โมเลกุลเหงื่อนเล็กๆออกมาตามผิวหนังทั้งๆที่ข้างนอกฝนตกแรงเชียว เค้าไม่รีรอ รีบยิงผมด้วยคำถามเป็นชุด ออกแนวทุบหม้อข้าวออกศึกอะไรประมาณนั้น จากที่ฟังดู เธอน่าจะเป็นหญิงเก่ง วัยกลางคน ผมโดนคำถามที่เรียกว่า "อ่ะ กูให้มึง 2 วิ ตอบมาให้ดี"... อารมณ์ตอนโดนคำถามเสร็จ ภาพพี่อี้จากที่เคยไปออกรายการ"อัจฉริยะข้ามคืน"มานั้นกลับมาอีกครั้ง ถ้าผมตอบผิด คุณผู้หญิงนี่เค้าจะบอกกับผมมั้ยว่า..."คูณทามดีแล้วน่ะค้า แต่อย่างดีม่ายพอ" ถ้าโดนมุกนี้มา ผมคงวางสายเลยทีเดียว...

ผ่านไปกับการสนทนาแรก 29 นาทีเศษๆกับแหม่มจากอเมริกา รอได้อีกสักครึ่งชั่วโมง ก็เจอกับคุณคนไทย คราวนี้ค่อยยังชั่วครับ พูดภาษาไทย ทำให้สบายใจกว่า คุยกันก็จริงๆคำถามไม่ต่างจากรอบก่อนๆ เลยไม่่ค่อยมีปัญหาอะไร มีการถามเชิงให้คิดบ้าง แต่ก็ผ่านไปได้โอเค... ผมหมายถึงว่าโอเคสำหรับผมอ่ะนะ สำหรับเค้าเนี่ย ผมไม่รู้

ถึงตอนนี้ ความง่วงกลับมาถาโถมแล้วครับ เพิ่ง 9 โมงกว่าๆ อีกตั้งสิบกว่าชั่วโมงสำหรับวันนี้ เฮ้อ.. จะรอดมั้ยเนี่ย...เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ

Monday, June 18, 2007

(Hi)story of Power Prawns

มาแล้วครับ มาแล้ว... ไม่ได้เขียนมาตั้งนาน วันนี้ต้องขอมาเขียนอะไรนิดๆหน่อยๆท่ามกลางเสียงประท้วงและอากาศอบอ้าวแถวๆท่าพระจันทร์ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ไม่เกี่ยวกับการเมืองใดๆทั้งนั้น

วันนี้มีโอกาสได้เดินผ่านป้ายคณะและพบว่า ป้ายที่มีรูปพวกผม Power Prawns ได้หายไปซะแล้ว โอ้ มันรวดเร็วจริงๆ เมื่อวานยังเป็นดารากันอยู่เลย วันนี้หายวับไปซะละ.. จะว่าไปการได้ประสบโชคโดยการได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆที่เก่งๆในทีมนี้ ทำให้ได้มีโอกาสไปเจออะไรใหม่ๆและมีค่าเต็มไปหมด ใครจะไปคิดล่ะครับท่านผู้อ่าน ว่าผมจะได้ไปไกลถึงอเมริกาแล้วกลับมายังได้ไปออกรายการเกมโชว์ทำให้ต้องรับสายกันไม่ได้หยุด ขออนุญาตนำบางส่วนมาให้ได้อ่าน

เพื่อนป๋อง: "ถึงรู้ว่ารายการอัด แต่ขอลุ้นก่อน เดี๋ยวทับถมทีหลังถ้าตกรอบ อิอิ"

อ่ะนะ อิอิ นี่มันอะไรเหรอครับ ถ้ามันเป็นเสียงหัวเราะเนี่ย มันช่างยากในการออกเสียงจริงๆ

เพื่อนโบ: "ชิว ทำไมอ้วนเงี้ย"

อ้าว ไม่รู้เหรอเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันไปไกลขนาดไหนแล้ว มันทำให้เราไม่เหมือนตัวจริงได้ โฮ่ๆน้อง ต้องตามเทคโนโลยีหน่อยนะ เดี๋ยวนี้โลกมันหมุนเร็ว

Maja: "My mom got very excited last night because she thought you would be on the show last night. Hehe. Your is next week right?"

อันนี้ก็เร็วไปอาทิตย์นึงนะครับ ส่งมาเป็นคนแรกเลย รายการเค้ายังตัดต่อไม่เสร็จเลย

ก็อย่างนี้ล่ะครับ ชื่อเสียงอะไรพวกนี้มันมาไวไปไว ต้องอย่าไปยึดติด ไม่งั้นปวดใจครับ ตอนนี้ผมมีความสุขกับการใช้เวลาว่างๆให้ไม่เป็นประโยชน์มาก อ่ะ ใครที่ไหนเค้าใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์กันล่ะ ไม่เชื่อไปถามเด็กๆสมัยนี้ที่เอาแต่แต่งตัว นั่งเรื่อยเปื่อยแถวๆ Center Point ที่พูดจาภาษาดาวนาเม็กดูสิ ผมว่าผมก็เรียนภาษาไทยมาเยอะนะครับ เจอเด็กแถวๆนั้น เนี่ย ถึงกับไม่รู้ว่ามันพูดอะไรกันอยู่ ถ้าจะให้ทักเนี่ย ผมคงพูดได้แค่ "สวัสดี ชาวโลก"

อยากจะบอกเพื่อนๆในทีม Power Prawns ว่าขอบคุณจริงๆที่ให้โอกาสและอดทนกับผมมาตลอด ดีใจและเป็นเกียรติจริงๆที่ได้อยู่ร่วมทีมกับคนเก่งๆ มันเป็นช่วงเวลาที่สั้นถ้าดูตามปฏิทิน แต่สำหรับผมมันยาวนานมากในแง่ของประสบการณ์และความทรงจำ ไว้มีโอกาสเนี่ย ไปหาอะไรกินกันนะเพื่อนๆ แถวๆ POV ดีมั้ย