Sunday, July 20, 2008

ความสุขง่ายๆที่อัมพวา (ย้ายมาจาก Multiply)

นานแล้วครับที่ไม่ได้แวะมาเขียนอะไรเลยที่ Multiply จริงๆผมไม่ได้หายไปไหน ผมแค่ย้ายสัมมโนครัวไปอยู่ที่ Facebook เป็นหลัก ใครที่อยู่ทั้งสองที่คงจะเห็นว่าผมยังมีชีวิตอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต แต่บน Facebook ไม่ค่อยมีญาติสนิท มิตรสหายมาสนใจสักเท่าไหร่ ผมเลยเริ่มกลับสู่บ้านหลังเดิมที่มีคนให้การต้อนรับดีกว่า วันนี้เลยอยากมาเขียนอะไรนิดหน่อยครับ :)

สองอาทิตย์นี้ผมได้มีโอกาสไปสัมผัสบ้านนอกมา จะว่าไปก็ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพสักเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกผิดกันลิบลับ ผมไม่รู้ว่าจริงๆทำไมต้อง"อัมพวา" เพิ่งมาเข้าใจทีหลังว่าเป็นเพราะละครทีวีที่ทำให้ที่นี่ดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน ครั้งแรกที่ผมไปคืออาทิตย์ก่อน ซึ่งผมไปตอนกลางวันเลยไม่ได้สัมผัสความเป็นอัมพวาอย่างที่หลายๆคนมาแสวงหา แต่ล่าสุด...ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ผมมีโอกาสได้กลับไปอีกครั้ง และครั้งนี้แหละที่ผมว่าผมได้สัมผัสความเป็นอัมพวามากกว่าใครๆอีกมากมาย...

การเดินทางครั้งนี้ผมไปกับเพื่อนๆที่ทำงาน เป็นการไปเที่ยวสั้นๆ แค่หนึ่งวันหนึ่งคืน เริ่มเดินทางบ่ายวันศุกร์ครับ กว่าจะไปถึงก็เย็นๆแล้ว เลยไม่รีรอ รีบดิ่งไปที่ตลาดน้ำยามเย็นเลย




โอ้โห แม่เจ้า... คนยังกะพันธมิตรมดเพื่อขุมน้ำตาล คนเยอะอะไรจะขนาดนั้นครับพี่น้อง แตกต่างกับอาทิตย์ก่อนโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คน คน คน... แย่งกันเดิน แย่งกันกิน แย่งกันหายใจ แต่ไหนๆมาแล้วก็ต้องฝ่าเดินมันไป ทั้งๆที่เป็นที่เดิมที่เคยมาแค่เจ็ดวันก่อน แต่ทุกอย่างมันช่างแตกต่างกันครับ ไม่น่าประทับใจเลย ดีว่าครั้งก่อนเดินมันทุกมุมแล้ว เลยไม่รู้สึกพลาดอะไรไป
หลังจากที่เหนื่อยกับฝูงพันธมิตรแล้ว ก็เลยกลับบ้านครับ ซึ่งบ้านเนี่ย เป็นของญาติของพี่คนหนึ่งที่บริษัท มาอาศัยเค้าอยู่ครับ เป็นชีวิตแบบวิถีไทยจริงๆ ผมได้กลับมาอาบน้ำตุ่มแบบที่ไม่เคยมาแสนนาน และเนื่องจากว่าบ้านมันติดแม่น้ำ คราวนี้เลยแก้ผ้าอาบน้ำหน้าบ้านตรงข้างแม่น้ำเลย เย็นสบายและรู้สึกอยู่กลางธรรมชาติอย่างบอกไม่ถูกครับ

Hilight ของการเดินทางนี้อยู่ที่การพายเรือดูหิ่งห้อยตอนกลางคืน... เนื่องจากว่าคนที่มาก็ไม่ได้มีใครเป็นเด็กต่างจังหวัดเลย ผมเลยต้องอาสาเป็นมือพายของเรือไป... เราพายกันไป 2 ลำ แบ่งคนเท่าๆกัน ดีว่าพี่ที่คุมท้ายเรือผมเค้าพายเป็น ไม่งั้นผมคงพายเรือวนไปวนมา หรือไม่ก็ไม่ไปไหนเลย น่าอายจริงๆ... ผมจำเวลาที่เราพายกันไม่ได้ แต่รอบข้างมืดสนิท อากาศก็น่าจะเย็นสบายนะครับ ที่ผมไม่แน่ใจและใช้คำว่า"อาจจะ"เนี่ยเป็นเพราะว่าการพายเรือทำให้ผมเหงื่อท่วม ผมเลยไม่รู้ว่าจริงๆอากาศมันเป็นยังไง แต่เท่าที่ดูจากคนอื่นๆ อากาศมันคงจะดีอ่ะครับ เห็นนั่งกันสบาย คุยกันสนุก -_-"




เราไปกันแบบลูกกรุงมากๆ เจอหิ่งห้อยกระพริบตัวเดียวก็ตื่นเต้นกันแล้ว แถมมีเพื่อนคนหนึ่งคิดว่าหิ่งห้อยต้องอยู่กับต้นลำพู เพราะงั้น ไม่ว่าคืนนั้นจะเจอต้นไม้อะไร เธอจะต้องเรียกมันว่าต้นลำพูหมด ขำจริงๆครับ...


การพายเรือคืนนั้นทำให้ผมรู้สึกสงบมาก ผมอธิบายไม่ถูก สงสัยเป็นเพราะบรรยากาศที่มันเงียบสงบมั้งครับ หรือเป็นเพราะความมืด หรือเป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่การไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบไม่มีร่องรอยความเจริญอะไรเลยนี่มันเป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆ เหมือนกับเวลามันไม่ได้เดินไปไหนเลย ผมไม่รู้ว่าผมพายเรือไปนานเท่าไหร่แล้ว ผมก็แค่พายไปเรื่อยๆ ดูหิ่งห้อยตัวแล้วต้วเล่ากระพริบแสง บินจากต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง บางตัวหลงมาเกาะเพื่อนผม เลยโดนทำโทษเป็นการยิงแสงแฟลชใส่ซะ แต่มันช่างสงบจริงๆ สงบจนผมรู้สึกว่า ถ้าผมหลงทาง พายกลับไม่ถูก ผมก็แค่เอนตัวนอนลงไป แล้วก็หลับไปได้เลย ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่ต้องพะวงอะไรทั้งนั้น งานการทุกอย่าง ไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดถึงที่นี่ ผมพายเรือของผมไปเรื่อยๆ คุยกับเพื่อนๆบ้างเป็นระยะๆ นั่นคงจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างหยุดนิ่ง ไม่ต้องวิ่งตามอะไรให้เหนื่อย ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น สำหรับผม ณ วินาทีนั้น ผมหลุดพ้นจากพันธนาการทุกอย่าง... อาจจะฟังดูเวอร์ แต่ผมรู้สึกสงบและเป็นสุขทั้งๆที่ผมไม่ได้ลงทุนอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว...

ระหว่างทางกลับ พี่เจ้าของบ้านที่ใจดีก็แวะสอยมะพร้าวกลับมาด้วย เต็มเรือเลยทีเดียว พวกเราเลยต้องรับหน้าที่กำจัดมะพร้าวอ่อนสดๆจำนวนมากมาย อร่อยจริงๆครับ หอมและเนื้อนุ่มมาก คืนนั้น แม้จะแปลกที่แต่ผมก็นอนหลับไปได้สบายๆ

ผมตั้งใจไว้ว่า ต่อจากนี้ไป ผมจะต้องหลบ"ความเจริญ"และกลับสู่ห้องกาลเวลาอย่างนี้อย่างน้อยปีละครั้ง มันเป็นการเติมพลังที่ดีมากครับ แค่คืนเดียวสั้นๆ มันทำให้แบตเตอรี่ที่เสื่อมๆของผมกลับมามีพลังเต็มเปี่ยมอีกครั้ง

ถ้าคุณมีโอกาส อย่าลืมทดลอง"ทิ้งตัวเองเพื่อกลับสู่ความเป็นตัวเอง"กันบ้างนะครับ ถ้าใครสนใจ ก็ลองแวะมาบอกกล่าวนะครับ เผื่อครั้งหน้าผมไป จะได้ชวนไปด้วยครับ หรือถ้าใครไม่รังเกียจให้ผมเกาะไปด้วย ก็แวะมาชวนด้วยนะครับ ผมจะเป็นเพื่อนเดินทางที่ดี รับรองครับ ^^

Monday, July 7, 2008

Q3...

แล้วก็ไม่เคยทำได้ซะที ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะมาเขียนบ่อยๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ผ่านไปอีกเป็นชาติกว่าจะได้มาเขียนอะไรซักที เพิ่งจะรู้ว่าครั้งล่าสุดที่เขียนคือวันเกิดผมเอง ว้าว... ผ่านไปสามเดือนกว่าแล้วนะเนี่ย เวลาเดินเร็วจริงๆ

เกือบสองเดือนแล้ว ที่ชีวิตกลับมาเป็นโสดเต็มๆตัวอีกครั้ง ไม่ได้อยู่ในสภาพนี้นานแล้ว ก็ตั้งแต่เริ่มเรียน MIM ชีวิตก็ยุ่งๆ มีอะไรทำมากมายมาตลอด ทั้งสนุกสนาน วุ่นวาย หัวเราะ ร้องไห้ มีทุกรสชาติเลยตลอด 3 ปีนี้ วันนี้ต้องกลับมาปรับพฤติกรรมตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ตอนแรกๆก็เรียกว่าสาหัสทีเดียว แต่ก็นะ... มันก็เหมือนการโดนรถชนอ่ะครับ มันเป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝัน แล้วก็เจ็บไม่น้อยทีเดียว แต่สำหรับคนภายนอกมันเป็นแค่แผลที่มองไม่เห็นด้วยตา ต้องบอกว่าที่รอดมาได้เพราะมีกำลังใจดีๆมากมายรอบตัวครับ ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกคนที่อยู่กับผมมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา แล้วก็ต้องขอบคุณอีกหลายคนที่ไม่ได้อ่านด้วย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ อาๆ น้องๆอีกหลายคน พี่ๆที่ทำงาน มันเป็นสองเดือนที่สับสนวุ่นวายมากสำหรับผม แต่ผมก็รอดมาได้แล้ว สิ่งร้ายๆผ่านไปแล้ว ครึ่งปีหลังนี้จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ ผมว่ามันจะเป็นครึ่งปีที่ดีมากๆเลยครับ ^^

อย่างแรก... Project ที่ทำมาตลอด 4 เดือนปิดลงไปแล้วหนึ่งอัน เป็นความภาคภูมิใจมากๆ คิดว่าภายในเดือนนี้คงจะได้เห็นกันแล้วล่ะครับ หมายถึงว่าการแถลงข่าวนะครับ ตัว Project จริงๆคงจะยังไม่เห็นจนกว่าปีหน้า มันคืออะไร? รอดูครับ เร็วๆนี้แน่นอน
อย่างที่สอง... หมอดูบอกว่าผมจะเจอความรักครั้งใหม่เร็วๆนี้ 555 ใช่ครับ ผมไปดูหมอมา ถ้าคนที่รู้จักผมคงจะไม่เชื่อ เพราะผมไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่ผมรู้ละว่าทำไมศาสตร์พวกนี้ถึงอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ วันที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าอย่างมากมาย นั่นก็เพราะว่าวิทยาศาสตร์ไม่สามารถเป็นคำตอบให้กับสิ่งที่มองไม่เห็นหลายๆอย่างได้ วันที่คนต้องการคำตอบประหลาดๆ ต้องการกำลังใจ สิ่งที่มองไม่เห็นกลับให้ความหวังเราได้มากกว่าทฤษฎีใดๆ อย่างไรซะ เอาเป็นว่าผมเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่หมอดูบอกละกัน :D มาเร็วๆนะ... ผมรออยู่
อย่างที่สาม... ผมกลับมาใช้เวลาอยู่กับการไปฟิตเนส และเจอเพื่อนๆ เป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำอยู่แล้ว น้ำหนักลดไป 10 กิโล รู้สึกดีขึ้นมากครับ แล้วก็ได้เจอเพื่อนๆบ่อยขึ้นเยอะ เรามีนัดสังสรรค์กันทุกเดือน สนุกดีจริงๆ
อย่างที่สี่... ผมกำลังเตรียมตัวก้าวออกจาก comfort zone ของผมครั้งใหญ่ ผมยังกลัวอยู่ จริงๆแล้วผมกลัวมาตลอด 2 ปีที่ผมคิดเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ถ้าจะพูดง่ายๆ ผมก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ต้องเสียแล้ว ผมว่าผมจะทำให้มันเกิดขึ้นในปีนี้ล่ะ

ชีวิตของท่านผู้อ่านเป็นไงบ้างครับ มา update กันบ้างนะครับ

ขอให้ทุกคนมีความสุขและมีกำลังใจที่ดีนะครับ