Friday, August 1, 2008

มองไปรอบๆตัว...

สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผมและหลายๆคนรอบตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาคือ การเลิกกัน... ใช่ครับ การเลิกกันมีมาตั้งแต่ก่อนผมเกิด เรียกว่าย้อนไปตั้งแต่ยุคก่อนที่จะมีอารยธรรมซะอีกก็คงจะว่าได้ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าบังเอิญมันเกิดกับตัวผมเองด้วย เลยทำให้ผมอยู่ในอาการ selective perception นั่นคือเลือกที่จะมองสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือสิ่งที่อยู่ในความสนใจอยู่ในขณะนั้น แต่ผลลัพธ์ก็คือ ผมสังเกตว่ามีคนเลิกกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีอีกหลายคนที่กำลังจ่อคิวอยู่ด้วย

สาเหตุที่ทำให้ผมถึงกับต้องเขียนถึงเรื่องธรรมดาๆอย่างนี้ก็คือ การที่หลังๆนี่การเลิกกันเริ่มมีเหตุผลที่ซับซ้อนมากขึ้น หรือถ้าจะให้เอาให้ตรงไปตรงมากว่านั้น มันคือการมีเหตุผลน้อยลงครับ... สิ่งที่ผมได้ยินจากการเลิกกันในยุคก่อนๆคือ การที่คนสองคนอยู่ด้วยกันแต่เข้ากันไม่ได้จริงๆ ทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนทางออกเดียวคือการแยกกันอยู่ หรือการที่สังคมหรือพ่อแม่ไม่ยอมรับ อะไรประมาณนี้ แต่สิ่งที่เกิดหลังๆ โดยเฉพาะช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ก็คือ การที่คนสองคนยังรักกันอยู่แต่จำเป็นต้องเลิก... นี่แหละที่ผมบอกว่ามันซับซ้อน ก็ไอ้ความจำเป็นนี่แหละ ที่บางทีเราต้องอาศัยความพยายามพอสมควรเพื่อที่จะเข้าใจความจำเป็นที่ว่านี่ ซึ่งหลังจากที่โดนกับตัวเองแล้ว ตอนนี้... ผมกำลังอยู่ในสถานะการเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนสนิทผมอีกหนึ่งคนที่กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองในการตัดสินใจว่า"ความจำเป็น"นี้ จะมีผลต่ออนาคตของความสัมพันธ์อันดีของตัวเองหรือไม่

ความจำเป็นที่ว่านี้ มันมาในหลายรูปแบบของคำอธิบาย สิ่งที่ผมเผชิญคือ การอยากเป็นตัวของตัวเอง การอยากทำอะไรที่ตัวเองอยากทำอย่างเต็มที่ ซึ่งผมขอไม่พูดถึงกรณีของผมเองนะครับ เอาเป็นว่า ผมเข้าใจคำอธิบายและผมก็ติดตามผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นไปตามนั้นหรือเปล่า แล้วผมก็พอจะเข้าใจละว่าอะไรเป็นอะไร แต่สำหรับของเพื่อนผม การที่เหตุการณ์มันเหมือนย้อนมาให้ผมระลึกถึงอีกครั้งนี่ทำให้ผมได้เห็นเหตุการณ์ที่คล้ายเดิม แต่ในมุมของอีกฝั่ง นั่นคือฝั่งคนบอกเลิก จริงอยู่ว่าเพื่อนผมยังไม่ได้บอกเลิกแฟน แต่ผมหมายถึงว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความคิดทั้งหมดว่าอะไรเป็นอะไร แล้วที่สำคัญคือ เพื่อนผมที่ว่านี่เป็นผู้หญิงที่มีหลายๆอย่างคล้ายแฟนผมที่กลายเป็นอดีตไปแล้วซะด้วย

ผมไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นไง เค้าอาจจะลงเอยด้วยกันอยู่ด้วยกันแบบ happily ever after แต่อย่างน้อย สิ่งที่ผมกำลังมองเห็นอยู่นี้ มันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว นี่ล่ะมั้งลักษณะของ adolescence ที่เรียนมาตอนเรียนโท มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...

No comments: