Friday, August 13, 2010

If Android wants to go social.

ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า BlackBerry ทำตลาดในบ้านเราได้เก่ง โดยการยกจุดขายเรื่องของ chat มาเป็นตัวขับเคลื่อนการสร้างสังคมผู้ใช้และสร้าง Lock-In Effect ที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ จนทำให้หลายๆคนมองว่าถ้าอยากเข้ากับกลุ่มเพื่อนได้ ยังไงก็ต้องซื้อ BlackBerry มาใช้ ทั้งๆที่จะว่าไปแล้วคนจำนวนไม่น้อยกลับไม่ได้ใช้หรือสนใจจุดแข็งที่แท้จริงอย่าง Push Mail เลย และในวันนี้ BlackBerry ก็กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารแบบ social ไปอย่างเต็มรูปแบบ (ย้ำอีกครั้ง... ในเมืองไทย)

ทีนี้สิ่งที่มันเลี่ยงไม่ได้ก็คือ พอใครสักคนมองหามือถือใหม่ ก็จะต้องมองหาการ chat แบบที่ BlackBerry มี ทั้งๆที่เรื่องของ chat ในความเป็นจริงแล้วมี application หลายสิบตัวทีเดียวที่สามารถช่วยให้ chat ได้ ไม่ว่าจะเป็น Meebo, Parlingo, MSN, Google Talk, Yahoo IM, etc. เพียงแค่หาพวกนี้มาติดตั้งบนเครื่องไม่ว่าจะเป็น Android, BlackBerry, iPhone หรือแม้แต่ feature phone รุ่นอื่นๆ ก็สามารถ chat กันได้เหมือนกัน โดยไม่ต้องมานั่งจำหรือวุ่นวายกับตัวเลขประหลาดๆที่ไม่มีความหมายอะไรเลยอย่าง PIN

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ หลายๆคนอยากให้ Android และ iPhone สามารถ chat กันแบบนั้นได้ด้วย ผู้พัฒนาหลายๆรายก็เลยบ้าจี้ตามไปด้วย หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนา application เพื่อรองรับการ chat โดยหวังว่าจะสามารถสร้าง social bond แบบที่เกิดขึ้นบน BlackBerry ให้ได้บ้าง เพื่อที่จะได้สร้างยอดขายให้ได้ถล่มทลายบ้าง

แต่พอผมมานั่งดูแล้วผมก็เข้าใจเอาเองว่า แท้จริงแล้วจุดแข็งของ Android มันไม่ใช่เรื่องของการ chat เลย สภาพแวดล้อมของ Android และ nature ของมันไม่ได้เกิดมาให้เป็นเครื่องมือ chat กุ๊กกิ๊กแบบเด็กๆแบบนั้น Android ไม่ใช่โทรศัพท์ที่จะมาดังดึ๊งดึ่งทั้งวันแบบนั้น แล้วจุดแข็งไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสัมผัส, multitouch (ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก iPhone), ระบบการ sync กับ Cloud หรือระบบ multitasking ที่ดี เหล่านี้ต่างเอื้อให้ Android ทำอะไรได้มากกว่านั้นในการที่จะกระโดดเข้ามาสู่โลก social หรือถ้าจะมองในอีกมุมหนึ่ง BlackBerry เองทำเรื่องของ chat ได้ดีอยู่แล้ว การที่ Android จะมาแข่งกับ BlackBerry ในเรื่องนี้ สำหรับผมแล้ว... เสียเวลา!

เมื่อเร็วๆนี้ Google ได้เปิดตัว C2DM หรือ Cloud To Device Messaging มาพร้อมกับ FroYo ผมถือว่านี่แหละที่จะเป็นตัวที่จะทำให้ Android ประสบความสำเร็จในการสร้าง social bond ของตัวเองได้ และทำได้อย่างมีสไตล์กว่า BlackBerry หลายขุมทีเดียว โดยสิ่งที่ผมว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีก็คือภาคต่อของ C2DM นั่นก็คือ D2DM หรือ Device To Device Messaging

ไอเดียของผมเองก็คือ ลองนึกดูว่าจะมีประโยชน์และน่าสนุกแค่ไหน ถ้าคนที่ใช้ Android (เวอร์ชั่น 2.2 ขึ้นไป) สามารถส่ง intent หากันได้แล้วทำให้เกิดรูปแบบของ social bond แบบใหม่ที่ไม่ใช่ chat แต่เป็น Content Sharing ตัวอย่างที่พูดถึงก็คือ...
  • ถ้านาย ก. อ่านข่าวบน Android แล้วเจอข่าวที่น่าสนใจ อยากแบ่งปันให้ นาย ข. อ่าน แทนที่จะมานั่งส่ง link ผ่าน email, SMS, หรือ Twitter, Facebook นาย ก. ก็สามารถกดจาก browser ส่ง intent ไปเรียกให้ browser บนเครื่องนาย ข. แสดงข่าวนั้นได้ทันที แบบเดียวกับที่ C2DM ทำได้
  • ถ้านาย ก. ไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยขับไปเองและนัดนาย ข. ทานอาหารระหว่างทางแต่นาย ข. หาร้านไม่เจอ นาย ก. ก็สามารถเปิด Google Maps จากเครื่องที่ถือ ส่ง intent ไปเรียกให้ Google Maps บนเครื่องนาย ข. แสดงผลแบบทันที
  • นาย ก. เจอ MV เพลงใหม่ของ Bodyslam ที่สุดยอดมาก อยากให้นาย ข. ได้ดู ก็กดส่ง intent ผ่าน youtube มาเข้าที่เครื่องนาย ข. ทันที
เหล่านี้ผมว่าในแง่ของคนที่ใช้ Android น่าจะเกิดการแบ่งปันที่สนุกและมีความผูกพันระหว่างผู้ใช้มากกว่าการ chat ซะด้วยซ้ำ เพราะผมกำลังพูดถึง content ที่ไม่ใช่แค่ text แต่เป็น rich contents ที่ผ่านการคัดสรรโดยเพื่อนที่เรารู้จัก และแน่นอนว่าการ share เหล่านี้ผู้รับย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือกรับหรือไม่รับก็ได้แบบเดียวกับที่ Facebook เปิดให้เลือก หรือถ้าใครกังวลเรื่องของ spam ผมกลับมองว่า spam อยู่คู่กับทุกการสื่อสารอยู่แล้ว ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น SMS, email, จดหมาย, ใบปลิว, BlackBerry Messenger, MSN, ทีวี ฯลฯ ทุกอย่างมี spam อยู่แล้ว D2DM ก็ไม่น่าจะแย่ไปกว่าระบบหรือช่องทางอื่นๆแน่ๆ

ผมว่าการหันมาสู่ content sharing น่าจะเป็นการสร้าง social bond ที่ดีระหว่างผู้ใช้ที่นอกจากสนุกแล้วยังเท่อีกด้วย... ไม่รู้ว่า Google จะคิดแบบนี้หรือเปล่า :D

3 comments:

AeroROACH said...

เห็นด้วยกับคุณชิวในเรื่องนี้ครับยังไง BB ก็เอื้อระบบ Chat ได้อย่างไม่มีใครเทียบได้จริงๆ (ผมกะเพื่อน IPhone ลองกันหลาย app ไม่ work สักอัน) พอครับ เลิก

ผมสนใจ C2DM มากมันมีประโยชน์มากๆเลยครับ โดยเฉพาะเรื่อง Map เนื่องจากเราใช้ PC ทำมันก็สะดวกกับคำสั่งยิบย่อยเยอะกว่า ปรับทางได้เยอะกว่า ทำเสร็จเราค่อยส่งเข้ามือถือไปเพื่อนำทาง เวลาเราขับรถ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมานานมากเลยครับ

แต่จะให้ดังแบบ BB (ย้ำอีกครั้ง...ในเมืองไทย) คงยาก เพราะคนไทยเรา ส่วนใหญ่ ตามกระแส ไม่ได้ตามเทคโนโลยี เช่นถามว่าจะซื้อ IPhone ทำไม อึ้งสักพักแล้วก็บอกเหตุผลแบบที่โทรศัพท์รุ่นไหนๆก็ทำได้ -_-" ซื้อ BB ทำไม เห็นคนอื่นเค้า Chat กัน อยาก Chat มั่ง เฮ้อผมล่ะป่วยการจะอธิบายเหล่าผองเพื่อนรอบตัว

มีการมาเกทับด้วยนะ "เด๋วนี้เค้าไปทางไหนมีแต่ขอ PIN android มรึงมี PIN มั้ย" โอ้วได้ยินแล้ว กรูจะเอา PIN แบบมรึงไปเพื่อ? โทรศัพท์กรูมีดีกว่านั้นเยอะโว้ย!!

ขอโทษที่แอบหยาบคายครับอิๆ

Chyu said...

ฮ่าๆ ไม่หยาบคายอะไรหรอกครับ เห็นด้วยจริงๆ

yokekungworld said...

ถ้าผมมองนะ ผมใช้ Android มาสักพัก

สิ่งที่ทุกคนน่าจะคิดคือ ใครใช้ Gmail จะไม่ค่อยใช้ MSN แต่ทุกคนยังกลับเล่น MSN กันเยอะ ทั้งที่มี Gmail ดังนั้นทุกคนที่ใช้ Gmail ก็จะสามารถแช็ตได้อยู่แล้วด้วยตัวของมันเอง ไม่เสียรายเดือน ไม่มีค่าบริการ ยกเว้นอินเทอร์เน็ต แช็ตๆในคอมอยู่ พอมากินข้าว ก็แช็ตต่อในมือถือได้เลย ยังไง Gtalk ก็อยู่คู่คนใช้ Gmail โดยเฉพาะคนใช้ Android ทุกคนอยู่แล้ว ทุกวันนี้ผมใช้ทุกอย่าง Sharing ครับ ส่วน BBM ต้องบอกว่าเฉพาะกลุ่ม ตอนนี้มีเพราะคุยกับเพื่อนเก่า น้องที่คณะตอนป.ตรี กับกลุ่มการตลาดเท่านั้น บางคนเชื่อไหมว่า ไม่มีเบอร์มือถือกันเลย นัดกันก็นัดผ่าน Twitter, BBM